ธอส.ปีเสือพอร์ตสินเชื่อโต 3% สำรองเพิ่มตั้งการ์ดรับมือโควิด
ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2564 ควบคู่ไปกับการคุม NPL ให้ไม่เกิน 4.67% ของสินเชื่อรวม กำหนดวางยุทธศาสตร์ภายใต้ แนวคิด GHB Next Move Sustainable Bank มุ่งสู่ การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน พร้อมโชว์ผลงาน ปี 2564 สินเชื่อนิวไฮ ตั้งสำรองเพิ่มกว่า 14% แต่ยังทำกำไร 12,351 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ในปี 2565 ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อใหม่ 3% จากเป้าหมาย ในปี 2564 บริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 4.67% ของสินเชื่อรวม
ทางด้านแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย ต้องจับตาว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากเฟดปรับขึ้นหลายครั้ง อาจกดดันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทาง ธอส.จะพยายามปรับขึ้นให้ช้าที่สุด โดยธนาคารมีความกังวล ผลกระทบที่จะมีต่อการชำระสินเชื่อ ที่อาจเห็นการปรับขึ้นเงินค่างวด ในการชำระสินเชื่อเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
เปิดยุทธศาสตร์โต
ขณะที่ยุทธศาสตร์ในปี 2565 ธอส.จะดำเนินภายใต้แนวคิด GHB Next Move Sustainable Bank มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืนด้วย ทั้งนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างการพัฒนา Mobile Application ให้ทันสมัยใช้งานง่าย ขณะที่กระบวนการประนอมหนี้ ลูกค้าสามารถประนอมหนี้ผ่าน Mobile Application และซื้อบ้านมือสองของ ธอส. หรือ GHB NPA ผ่าน Mobile Application
สินเชื่อต้องโต-NPL ต้องคุม
อีกทั้งเตรียมยกระดับ Operation การทำงานที่เกี่ยวกับลูกค้า เพื่อเป้าหมายสำคัญทางด้านการเงิน อาทิ สินเชื่อ ปล่อยใหม่ เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2564 บริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 4.67% ของสินเชื่อรวม รวมถึงการพัฒนาผู้ปฏิบัติงานสู่ People Excellence ด้วยการสร้าง Mindset บุคลากรกว่า 5,000 คน ด้วยค่านิยม GIVE+4
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2564 ธนาคารสามารถทำผลงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อใหม่ที่จำนวน 246,875 ล้านบาท มี 181,843 บัญชี เพิ่มขึ้น 9.65% สูงกว่าเป้าหมาย 31,234 ล้านบาท และถือเป็นจำนวนสินเชื่อปล่อยใหม่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 68 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร
แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 85,403 ราย คิดเป็น 57% ของจำนวนรายลูกค้าสินเชื่อปล่อยใหม่ ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,458,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.40%
มีสินทรัพย์รวม 1,506,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.04% เงินฝากรวม 1,274,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.74% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 58,381 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งมี NPL อยู่ที่ 3.75% ของสินเชื่อรวม และยังเป็นระดับที่บริหารจัดการได้
สำรองเพิ่ม-กำไรเกินเป้า
โดยธนาคารได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวนสูงถึง 111,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.93% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL ที่ระดับ 191.55% สะท้อนถึงความมั่นคงและพร้อมในการรองรับผลกระทบจาก โควิด-19 ในอนาคต และยังคง มีกำไรสุทธิที่ 12,351 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.30% สูงกว่าอัตรา เงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 8.50%
ทางด้านการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2564 มีจำนวนลูกค้าที่ได้รับ ความช่วยเหลือผ่าน 22 มาตรการสูงสุดถึง 973,227 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 847,218 ล้านบาท ส่วนใหญ่ประมาณ 87% กลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติ
ล่าสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 ยังคงมี ลูกค้าที่อยู่ในมาตรการความช่วยเหลือเดิมของธนาคาร ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้า 3 มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อขยายการให้ ความช่วยเหลือต่ออีกอย่างน้อยถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 81,192 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 84,137 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น