ธอส.ปล่อยกู้ซื้อบ้านพุ่งรอบ67ปี
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ปี 2563 เม้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่ ธอส.ยังคงสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้าน โดยปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่สูงสุดในรอบ 67 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร มูลค่ารวม 225,151 ล้านบาท จำนวน 140,386 บัญชี เพิ่มขึ้น 4.57% สูงกว่าเป้าหมายถึง 15,791 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 88,007 ราย รวมสินเชื่อคงค้าง 1,320,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.18% มีสินทรัพย์รวม 1,399,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.41% เงินฝากรวม 1,162,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 47,572 ล้านบาท คิดเป็น 3.60% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09%
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ผลจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่ได้รับกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้เกิดเอ็นพีแอลต่ำลง โดยปี 2563 ธอส.ช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 10 มาตรการจำนวน 687,489 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 576,139 ล้านบาท ขณะเดียวกันธนาคารทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม พร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต รองรับมาตรฐาน TFRS 9 เป็น 96,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.18% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อเอ็นพีแอลสูงถึง 202.76% ปี 2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 10,494 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,858 ล้านบาท หรือ 21.41% เนื่องจากธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงเพื่อช่วยเหลือลูกค้า
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ปี 2564 ธอส.เดินหน้าแนวคิดหลัก “Be Simple, Make it Simple” หรือการทำให้คนไทยเข้าถึงการมีบ้านได้ง่ายๆ กับ ธอส. สอดคล้องกับพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน โดยเตรียมจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดใหม่ ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ 215,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2563 สินเชื่อคงค้าง 1,374,116 ล้านบาท การยกระดับบริการธนาคารสู่ Digital Service Bank และเป็น Digital Bank เต็มรูปแบบปี 2566 เพื่อให้บริการลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ตั้งเป้าลดจำนวนธุรกรรมที่เคาน์เตอร์เหลือ 5% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด ส่วนจำนวนธุรกรรมผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ตู้ชำระเงินกู้ LRM หรือ QR Non Cash Payment ที่หน้าสาขาเหลือ 15% และเพิ่มจำนวนธุรกรรมผ่าน Application : GHB ALL เป็น 80% ภายในปี 2565 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ GHB New Normal Services เฟส 3 กำหนดให้บริการเดือนมีนาคม รวมถึงโครงการ Virtual Branch หน่วยบริการสินเชื่อไร้ที่ทำการโดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ที่ปีนี้ตั้งเป้า 1 หมื่นล้านบาท
นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า ส่วนความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ผ่าน 4 มาตรการ ลดเงินผ่อนชำระต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 6 เดือน เริ่มเตั้งแต่ 15 มกราคม ซึ่งมีลูกค้าลงทะเบียนแล้ว 102,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 95,000 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของ ธอส. จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน Application : GHB ALL ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 26 กุมภาพันธ์ เพื่อลดเงินต้นและตัดดอกเบี้ยนาน 6 เดือน ช่วงกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน