ธปท.เผยกำไรแบงก์Q1ยังแกร่ง จับตาหนี้เน่าบัตร-สินเชื่อบุคคล

18 พ.ค. 2565 381 0

        ธปท.เผยภาพรวมธนาคารพาณิชย์ไตรมาสแรกฐานะแกร่ง มีกำไรสุทธิจำนวน 49.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน สินเชื่อขยายตัว 6.9% หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง จับตาเอ็นพีแอลบัตรเครดิต-บุคคลมีแนวโน้มสูงขึ้นจากค่าครองขีพและภาระต้นทุนลูกหนี้สูง พร้อมหนุนสินเชื่อบุคคลดิจิทัล กระจายสินเชื่อให้ประชาชนลดการกู้นอกระบบ

          น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุนเงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง มีความสามารถในการขยายสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยคุณภาพสินเชื่อในภาพรวมค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ขณะที่ผลประกอบการปรับดีขึ้นจากปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

          ทั้งนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 49.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.8 โดยหลักจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ทำให้รายได้ ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นจากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง ส่งผลให้อัตราผลตอบ แทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets : ROA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.87 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 0.67 ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.45

          ขณะที่สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2565 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.9 เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 6.5 มาจากสินเชื่อธุรกิจขยายตัวที่ร้อยละ 8.8 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากสินเชื่อธุรกิจ ขนาดใหญ่ที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการเงินทุนของภาคเอกชน โดยขยายตัวได้ในเกือบทุกภาคธุรกิจ ด้านสินเชื่อธุรกิจ SMEs ขยายตัวจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ, สินเชื่ออุปโภค บริโภคขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 3.3 สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่ปรับลดลงจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลงตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับลดลง ด้านสินเชื่อรถยนต์ทรงตัว แม้ว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศเริ่มกลับมาขยายตัวได้ ขณะที่สินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวสอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ปรับเพิ่มขึ้น และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการสภาพคล่องของภาคครัวเรือน

          ด้านคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2565 ในภาพรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นสำคัญ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan : NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 531.9 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.93 ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk : SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ร้อยละ 6.09 ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 6.39

          “NPL ของสินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 2.99% โดยธุรกิจขนาดใหญ่มีหนี้เสียราว 2.16% ขณะที่ธุรกิจ SMEs มีหนี้เสียราว 7.04% ยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ขณะที่ NPL ของสินเชื่อรายย่อยในภาพรวมอยู่ที่ 2.78% โดยสินเชื่อบ้านและรถยนต์ที่เป็นหนี้เสียปรับตัวลดลง ขณะที่หนี้เสียบัตรเครดิตปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.25% ในไตรมาสก่อนเป็น 2.78% ส่วนหนี้เสียสินเชื่อส่วนบุคคลปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.33% เป็น 2.49% ทำให้เรายังต้องจับตาดู NPL ในกลุ่มที่เปราะบางต่อไป แม้ว่าภาพรวม NPL จะยังทรงตัวก็ตาม” สุวรรณีกล่าว

          โดยระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3,016.4 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ ร้อยละ 19.8 เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 909.4 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ร้อยละ 165.6 และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio : LCR) อยู่ที่ร้อยละ 192.5

          สำหรับยอดสินเชื่อฟื้นฟู ณ พ.ค.65 อนุมัติแล้ว 170,762 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 51,706 ราย วงเงินอนุมัติเฉลี่ย 4.3 ล้านบาทต่อราย โครงการพักทรัพย์พักหนี้ยอดอนุมัติเข้าโครงการ 44,747 ล้านบาท คิดเป็น 337 ราย ซึ่งเป็นการกระจายสินเชื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่ม พร้อมกันนั้น ยังสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ปล่อยสินเชื่อบุคคลดิจิทัลอนุมัติให้ประกอบธุรกิจแล้ว 9 ราย เปิดให้บริการ 5 ราย ยังไม่เปิด 3 ราย ยังติดปรับ ปรุงระบบก็สามารถเปิดให้บริการได้เพื่อให้สินเชื่อได้กระจายทั่วถึง รวมทั้งลดการกู้เงินจากนอกระบบได้ด้วย จากโครงการสนับสนุนสินเชื่อต่างๆ จะช่วยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดได้ และลดภาระจากค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น.

ที่มา: