ธปท.ห่วงเอ็นพีแอลพุ่งปี 64

18 ส.ค. 2563 672 0

 

 

          นายธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 2563 ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคง เนื่องจากมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองอยู่ในระดับสูง ทำให้สามารถสนับสนุนระบบเศรษฐกิจการเงินในภาวะที่ท้าทายในระยะต่อไปได้ ส่วนภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5% จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 4.1% ทั้งนี้ คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เชิงป้องกัน ช่วยชะลอการด้อยค่าลงของคุณภาพสินเชื่อ ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 5.09 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นที่ 3.09% หากเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.04% โดยเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสายการบินขนาดใหญ่เป็นหลัก

          “ระดับเอ็นพีแอลคงไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก เอ็นพีแอลใหม่อาจเห็นมากขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบน่าเป็นห่วง มองว่าความกังวลส่วนใหญ่จะอยู่ในปี 2564 หากจะให้ประเมินในตอนนี้มองว่าเร็วไป สำหรับลูกหนี้ที่ขอความช่วยเหลือเข้ามากว่า 31% มองว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเอ็นพีแอลภายในระยะสั้นๆ นี้ เชื่อว่าจะเห็นจำนวนการขอชำระหนี้ที่เปลี่ยนไปได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2563 แต่ในจำนวนที่ต้องการขอการช่วยเหลือปัจจุบันมีบางรายเท่านั้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือในระยะยาว” นายธาริฑธิ์กล่าว

          นายธาริฑธิ์กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือภายหลังมาตรการสิ้นสุดลง ธปท.ได้หารือถึงเรื่องนี้ร่วมกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพร้อมจะดูแลให้สถาบันการเงินเข้าไปดูแลลูกหนี้ที่ประสบปัญหาอย่างเป็นระบบ ยืนยันว่าสถาบันการเงินยังมีแผนในการช่วยเหลือลูกหนี้จนกว่าจะสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมาตรการช่วยเหลือที่จะออกมาหลังจากนี้ จะมีการแยกประเภทการช่วยเหลืออย่างชัดเจน จะไม่ใช่การช่วยเหลือแบบเหมารวมเหมือนช่วงที่ผ่านมา

          ส่วนการกำหนดการจ่ายเงินปันผลนั้น ธปท.จะรับทราบแผนระยะยาว (ซุปเปอร์แพลนนิ่ง) ของสถาบันการเงินเดือนตุลาคมนี้ หากมีความชัดเจนว่าช่วงเกิดภาวะไม่ปกติสถาบันการเงินดำรงอยู่ได้ ธปท.ไม่จำเป็นต้องห้ามการจ่ายเงินปันผล แต่หากสถานการณ์เลวร้ายลงต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง

 

ที่มา: