ธปท.ย้ำปรับขึ้นดบ.แบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะเศรษฐกิจ

16 ธ.ค. 2565 349 0

          ธปท. ชี้ ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้น สอดคล้องกับดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังเอื้อต่อการระดมทุน โดยปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัวต่อเนื่อง ย้ำการปรับขึ้นดอกเบี้ยทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

          นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยในรายงานการประชุมกนง.ฉบับย่อว่า ตลาดการเงินโลกยังคงเคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นและอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายการเงินของไทย แต่ภาวะการเงินโดยรวมยังเอื้อต่อการระดมทุนของภาคเอกชน สะท้อนจากปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ที่ยังขยายตัว

          ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวปรับลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สรอ. แข็งค่าขึ้นในช่วงกลางเดือน พ.ย. หลังตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และจีนอาจผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย มองไปข้างหน้า ตลาดการเงินยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโลก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก และแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีน

          ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้น สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่โดยรวมยังเอื้อต่อการระดมทุน โดยปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สรอ. เคลื่อนไหวผันผวนสูงจากทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักเป็นสำคัญ คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินและความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

          และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ต้องติดตาม จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจการเงินโลกที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า

ที่มา: