ธปท.ยันคงเกณฑ์ แอลทีวี

11 ก.ย. 2563 884 0

          อสังหาฯขู่‘ไตรมาส 4’ไม่ปลดล็อก - พนักงานนับพันถูก‘เลย์ออฟ’

          ลั่นมาตรการจำเป็น  สินเชื่อบ้านยังเติบโต

          “แบงก์ชาติ” ย้ำ “แอลทีวี” ยังจำเป็นช่วยป้องความเสี่ยงภาคอสังหาฯ ยืนยันไม่เป็นอุปสรรคสะท้อนจากสินเชื่อไตรมาส 2 ยังโต 4.4% ด้านนายกสมาคม อสังหาฯลั่นหากไม่ปลดล็อกแอลทีวี อาจเห็น การปลดพนักงานร่วมพันคน ขณะนายกสมาคมบ้านจัดสรร กังขายอดโอนติดลบสินเชื่อโตได้อย่างไร “เศรษฐา ทวีสิน” ลั่นใครบอกอสังหาฯยังไปได้ คนนั้น พูดไม่จริง

          ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงการณ์ วานนี้ (10 ก.ย.)ยืนยันว่า มาตรการสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ loan-to-value ratio(LTV) ยังมี ความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ ในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง

          โดย ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์ พบว่า ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่อ อยู่อาศัยจริง ยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยเฉพาะบ้านหลังแรก อีกทั้งการมีมาตรการดังกล่าวยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าด้วย

          นางนวอร เดชสุวรรณ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า จากการติดตามประเมินสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ หลังออกมาตรการ LTV เมื่อเดือนเม.ย.2562 ซึ่ง ธปท. ได้ปรับหลักเกณฑ์ให้ผ่อนคลายลงไปแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ การผ่อนปรนเกณฑ์สำหรับผู้กู้ร่วมและการซื้อบ้านหลังแรกในราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท สามารถกู้ได้เท่ากับราคาบ้านและยังสามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% เพื่อใช้เป็นค่าตกแต่ง หรือซ่อมแซม

          ส่วนบ้านหลังที่สอง สามารถกู้ได้ถึง 90% ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ ธปท. ที่ต้องการ ส่งเสริมให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

          จากข้อมูลของ ธปท. พบว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปีนี้ ยังขยายตัวได้ 4.4% สูงกว่าไตรมาสก่อน แม้จะอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนว่ามาตรการ LTV ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อ การเข้าถึงสินเชื่อของผู้ซื้อบ้านและสถาบันการเงินยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมหากผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระ

          รวมทั้ง มาตรการ LTV ยังช่วยรองรับผลกระทบของโควิด 19 ที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และระบบเศรษฐกิจโดยรวมเนื่องจากช่วยชะลอความต้องการเทียมและปริมาณที่อยู่อาศัยส่วนเกิน ก่อนเหตุการณ์ระบาดของโควิด 19

          ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและไม่รู้ว่าโควิด 19 จะจบลงเมื่อใด ธปท. จะยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง

          ไม่ปลดล็อกต้องลดจ้างงาน

          นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ประเมินว่า หากไม่ยกเลิกมาตรการ LTV ไตรมาส 4 ปีนี้ คงจะได้เห็นการปลดพนักงานของ บริษัทอสังหาฯ แน่นอน หากรวมกันไม่น่าจะ ต่ำกว่า 2,000 คน เนื่องจากที่ผ่านมา ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายแค่ พยายามประคองให้พออยู่ได้ หากรัฐ ไม่ให้การช่วยเหลือคงต้องปล่อยให้ ทุกอย่างเป็นไปตามสภาพความเป็นจริง

          ” ที่ผ่านมาเราพยายามให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะเพื่อช่วยให้ทุกคนไปต่อได้  แต่ตอนนี้คงต้องทบทวนมาตรการ สุดท้ายเพื่อความอยู่รอดคือการลดขนาดองค์กร เพราะไม่อย่างนั้นอยู่ต่อไม่ได้ จากเคยขายได้เดือนละ 10 ห้อง ตอนนี้ ขายได้ห้องเดียว ฝ่ายขายจะมีไว้ทำไม ฝ่ายการตลาดไม่ต้องทำอะไรแล้ว ผมโพสต์ขายเองก็ได้ “

          นายพรนริศ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปจากโควิด-19 ทุกอย่างควรจะต้องปรับแนวคิดในการแก้ปัญหาแบบใหม่ ไม่ใช่ใช้ยาแบบเดิม ซึ่งไม่ได้ผลหรอก เพราะทฤษฎีที่เรียนมา หรือความรู้เดิมในอดีตจะมาใช้แก้ไขปัญหาที่ไม่เคยมี มาก่อนได้อย่างไร ในฐานะนายกสมาคมอสังหาฯ ได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิด ใครทำอะไรก็จะได้รับผลกรรมอย่างนั้น

          กังขายอดโอนติดลบ-สินเชื่อโตได้อย่างไร

          นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ประเด็นที่ธปท.บอกว่า สินเชื่ออสังหาฯครึ่งปีแรกยัง โตได้ คำถามคือตัวเลขของศูนย์ข้อมูล อสังหาฯการโอนกรรมสิทธิ์กรุงเทพฯ ปริมณฑลติดลบ คำถามคือว่า สินเชื่อจะโต ได้อย่างไร ถ้าตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ติดลบ ตัวเลขของธปท.ที่ว่า เป็นบวก จะเป็นไปได้ อย่างไร เอาตัวเลขจากไหนมา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวเลขโอนกรรมสิทธิติดลบแล้ว สินเชื่อจะบวก สิ่งที่จะเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือ รวมการรีไฟแนนซ์เข้าไปด้วย ไม่ใช่การซื้อใหม่

          “ชั่วโมงนี้การซื้ออสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ ถ้ารัฐจะใช้อสังหาฯเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อประคองเศรษฐกิจไปต่อลำพังเฉพาะเซกเมนต์ เพื่ออยู่อาศัยไม่พอแล้ว จึงควรยกเลิกมาตรการแอลทีวี เพื่อดึงกลุ่มคนมีเงิน เข้ามาซื้อเพื่อลงทุน เข้ามาช่วยด้วย เพื่อเพิ่มวอลุ่มในตลาดมากขึ้น จะช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนต่อไปได้เพราะ อสังหาฯ ถือเป็นกลจักรหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่มีประสิทธิภาพ”

          “บิ๊กแสนสิริ"ทวิตชี้อสังหาฯทรุด

          ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทวีตข้อความผ่าน @Thavisin ถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาฯขณะนี้ว่า ถ้าใครบอกว่าตลาดอสังหาฯยังไปได้ คนนั้น พูดไม่จริงแน่นอน ทุกวันนี้แสนสิริ ยอดโอนสูงเป็นประวัติการณ์ไม่ใช่เพราะตลาดดี แต่เพราะจัดโปรโมชั่นเพื่อเร่งขายเร่งโอน เพราะอยากได้เงินสดในการรับมือ worst case scenario” พร้อมกับระบุถึงผลกระทบของตลาดอสังหาฯ ที่จะมีผลพวงมาจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ หาก รัฐไม่เร่งแก้ไขโดยด่วน

          “เศรษฐกิจแย่ ภาคอสังหาฯยิ่งแย่ รัฐบาลต้องช่วย เพราะแม้แสนสิริจะพอไปไหวเพราะตุนเงินสดไว้แล้ว 12,000 ล้านบาท แต่เราก็ไม่อยากเห็นรายใด รายนึง ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายเล็กต้องล้มไป เพราะจะกระทบกันหมด”

ที่มา: