ธปท.ผนึก 3 แบงก์ไทย-เทศเชื่อมข้อมูลดิจิทัลเริ่มปี 65
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ธนาคารสมาชิกทั้งสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ รวม 29 แห่งลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน เพื่อช่วยเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินแบบดิจิทัลให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลการเงินของตนเอง โดยนำร่องการรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก หรือ แบงก์สเตทเมนท์ มีสถาบันการเงินเข้าร่วมส่วนแรก 10 แห่งครอบคลุม 98% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด จะเริ่มได้เดือน ม.ค. 65
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริการทางการเงินดิจิทัลก้าวหน้าไปมาก คนไทยใช้โมบายแบงกิ้งและอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งสูงสุด 100 ล้านรายการในเดือน มี.ค. 64 ทำให้เกิดข้อมูลทางการเงินขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลและมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างกัน ซึ่งประชาชนยังใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ไม่เต็มที่ เช่น การเรียกใช้ข้อมูลของตนเองจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเพื่อขอใช้กับอีกแห่งหนึ่งขั้นตอนยุ่งยาก ขอข้อมูลแบบเอกสารกระดาษ และเป็นต้นทุนทั้งสถาบันการเงินและประชาชน จึงพัฒนาเกิดเป็นมาตรฐานนี้ ประเดิมใช้กับแบงก์สเตทเมนท์ หากขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งนี้สามารถขอแบงก์สเตทเมนท์กับอีกแห่งได้ทันที ไม่ต้องเดินทางหรือกรอกข้อมูลใหม่
น.ส.พีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ความร่วมมือเชื่อมข้อมูลข้ามสถาบันการเงินเจ้าของข้อมูลจะต้องยินยอมก่อนเท่านั้นและระบุว่าขอข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเป็นปัญหาเพราะสถาบันการเงินมีขั้นตอนมากยุ่งยากต้องดูว่าปลอมหรือไม่ ชัดเจนครบถ้วนแค่ไหนและกำลังดูความเป็นไปได้ใช้กับภาคธุรกิจ เช่น เรื่องการตรวจสอบบัญชี หรือขยายสู่ภาคที่ไม่ใช่แค่สถาบันการเงิน เช่น การขอวีซ่าต่างประเทศ ซึ่งสถานทูตอาจเชื่อมข้อมูลขอดูแบงก์สเตทเมนท์ได้ทันที
นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร พนักงานปฏิบัติงานพิเศษ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่าค่าธรรมเนียมกำหนดเพดานราคาไว้ไม่เกิน 75 บาท แต่การกำหนดราคาจริงให้สถาบันการเงินกำหนดเองเพื่อเกิดการแข่งขัน เนื่องจากบริการช่องทางดิจิทัล สามารถลดต้นทุนได้ และให้กลไกตลาดทำงาน เชื่อว่ามีการแข่งขัน.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์