ธปท.จี้แบงก์แก้ระบบล่ม
” น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท. มีความต้องการให้ธนาคารพาณิชย์พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลให้มากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมบนดิจิทัลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเรื่องแรก คือการเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรมบนดิจิทัล เพราะปัจจุบันธนาคารได้มีการรองรับ 2 เท่าหากเทียบกับปริมาณสูงสุด และเรื่องที่ 2 คือ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เช่น กระบวนการจัดลำดับธุรกรรม เวลามีคนมาทำธุรกรรมบนดิจิทัลจำนวนมาก ให้สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น รวดเร็ว จะทำให้การทำธุรกรรมไหลลื่นขึ้น
“มีสองส่วนที่แบงก์ต้องทำมากขึ้น ด้านแรกคือต้องมีความสามารถในการรองรับธุรกรรมดิจิทัลให้เพียงพอ สองคือประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ต้องมีมากขึ้น เพราะตอนนี้เวลาสิ้นเดือนจะเหมือนสึนามิที่โหมเข้ามา ดังนั้นแบงก์ต้องเตรียมระบบที่จะไปจัดคิว หรือเพิ่มอีกช่องทาง เพื่อมา รองรับคิวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิ ภาพเหล่านี้เราเห็นแบงก์ทำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ระบบล่มน้อยลง อนาคตจะทำให้ไม่มีปัญหาเลยก็คงไม่ได้ แต่ขอให้มีการแก้ไขให้เร็ว สื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดการทำธุรกรรมซ้ำซ้อนจนกระทบต่อระบบ”
รายงานข่าวจาก ธปท. กล่าวว่า ข้อมูลสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 พบระบบขัดข้องรวม 27 ครั้งเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 63 ที่ระบบขัดข้อง 25 ครั้ง ซึ่งในจำนวน 27 ครั้ง แบ่งเป็น ธนาคารกรุงเทพ โมบายแบงกิ้งขัดข้อง 4 ครั้ง นาน 9 ชั่วโมง, ธนาคารกรุงไทย โมบายแบงกิ้งขัดข้อง 2 ครั้งนาน 9 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง 1 ครั้งนาน 4 ชั่วโมง
ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา โมบายแบงกิ้งขัดข้อง 1 ครั้ง นาน 6 ชั่วโมง เอทีเอ็มขัดข้อง 1 ครั้งนาน 2 ชั่วโมง, ธนาคารกสิกรไทย โมบายแบงกิ้งขัดข้อง 3 ครั้ง นาน 1 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้งขัดข้อง 4 ครั้งนาน 4 ชั่วโมง เอทีเอ็มขัดข้อง 3 ครั้งนาน 1 ชั่วโมง ขณะที่ซีไอเอ็มอีไทย เอทีเอ็มและสาขาขัดข้องอย่างละ 1 ครั้ง, ธนาคารทหารไทย ขัดข้องเอทีเอ็ม 2 ครั้ง, ธนาคารทิสโก้โมบายแบงกิ้ง 1 ครั้ง, ธนาคารไทยพาณิชย์โมบายแบงกิ้งขัดข้อง 1 ครั้งนาน 2 ชั่วโมง
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์