ตีตกแล้ว! ให้ต่างชาติ ถือครองห้องชุด 49% - เช่าบ้าน 50 ปี หวั่น ถูกโจมตีการเมือง
“อนุพงษ์” ตีตกข้อเสนอต่างชาติถือครองห้องชุดมากกว่า 49% และไม่ขยายอายุเช่าบ้านจัดสรรจาก 30 ปี เป็น 50 ปี หวั่นรัฐบาล เป็นเป้าโจมตีทางการเมือง
วันนี้ (21 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ด้านอสังหาริมทรัพย์ ตามที่มี ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร ปรึกษานายกรัฐมนตรี เสนอ เป้าหมายดเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศ
โดยในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แสดงความเห็นคัดค้าน ไม่ควรแก้กฏหมายการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติ ในอัตราส่วนมากกว่า 49% ของเนื้อที่ห้องชุดทั้งหมด เพราะจะโดนโจมตี เนื่องจากตามเงื่อนไขเดิมต่างชาติก็ยังไม่เข้าอยู่เต็ม 49% และไม่ควรแก้กฎหมายการขยายเวลาการให้สิทธิ์ชาวต่างชาติเช่าบ้านจัดสรรจากเดิม 30 ปี เป็น 50 ปี เพราะเมื่อครบ 30 ปี ก็สามารถต่อได้อยู่แล้ว
ส่วนการให้สิทธิชาวต่างชาติในการถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ กรมที่ดินจะพิจารณาออกกฎกระทรวงเพิ่มเติมในส่วนของประเภทการลงทุน จำนวนเงินลงทุน และระยะเวลาการดำรงทุน โดยเป็นไปตามกรอบของมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่ง ยังมีประเด็นต้องพิจารณาหลายด้าน จึงขอให้นำมาเข้า ศบศ.อีกครั้ง
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า ระหว่างนี้ต้องไปสำรวจตลาดที่มีอยู่ว่า มีผู้ที่สนใจอย่างไร และมีเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ขณะเดียวกันภายใต้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ออกมาภายใต้กฎหมายปัจจุบันก็ยังคงใช้ได้อยู่ และมีมาตรการอื่น ๆ สนับสนุน เช่น การให้วีซ่าระยะยาว 10 ปี และใบอนุญาตทำงาน โดยประเมินว่า ด้วยสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้ตามเป้าหมายปีละ 200,000 คน
ขณะที่สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ได้รับสิทธิวีซ่าระยะยาว (เอลทีอาร์) ล่าสุดกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความประมวลรัษฎากรเพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับชาวต่างด้าวผู้ได้รับวีซ่าเอลทีอาร์ โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่าง การเสนอร่างพ.ร.ก.ต่อกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอครม.พิจารณาต่อไป
ขณะที่กรมศุลกากรอยู่ระหว่างการเตรียมออกประกาศกรมศุลกากรเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับวีซ่าแอลทีอาร์ เป็นการเฉพาะ โดยคาดว่าจะสามารถออกประกาศได้ภายในเดือนม.ค.2565 อีกทั้งยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำช่องทางพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับวีซ่าเอลทีอาร์ อีกด้วย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่าที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบในหลักการแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness Sandbox ที่เสนอโดย ททท.เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ โดยการปรับภาพลักษณ์หัวหินและชะอำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ของประเทศไทย
และเพื่อสร้างตราสินค้าแหล่งท่องเที่ยวหัวหินและชะอำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกควบคู่กับพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกภายใต้โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า ขณะเดียวกัน ศบศ.ขอให้เพิ่มที่พื้นที่นำร่องในภูมิภาคอื่น ในภาคเหนือ อีสาน และภาคตะวันออก ๆ ให้จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วย
สำหรับประเทศเป้าหมายที่จะเป็นนักท่องเที่ยวเขิงสุขภาพ ที่ ททท.จะเข้าไปส่งเสริมการตลาดในเอเชีย ประกอบด้วย เวียดนาม ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ส่วนทางยุโรป ประกอบด้วย ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย เช็ค สโลวาเกีย ยูเครน เยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สเปน อิสราเอล สวีเดน นอร์เวย์เดนมาร์ก ฟินแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ โอมาน บาห์เรน ตลอดจน สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด