ดัชนีราคาบ้าน-คอนโดฯQ3ลด อสังหาฯอัดแคมเปญฟื้นกำลังซื้อ 

12 ต.ค. 2564 497 0

          ศูนย์ข้อมูล อสังหาฯ ประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 3 ยังคงชะลอตัว เหตุเป็นไตรมาสที่มียอดผู้ติดเชื้อทำสถิติพุ่งสูง กดดันให้ดัชนีราคาบ้านจัดสรร และคอนโดฯ ลดต่ำลง ปัจจัยหลัก ผู้ประกอบการกังวลสถานการณ์โควิด พร้อมปรับกลยุทธ์ จูงใจการตัดสินใจซื้อ กลุ่มบ้านจัดสรร จัด ของแถม พ่วงลดราคาเงินสด ขณะที่คอนโดฯ เน้นของแถม ลดค่าใช้จ่าย

          ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2564 พบว่า ค่าดัชนีเท่ากับ 127.2 ลดลงร้อยละ -0.7 โดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นการลดลงของบ้านจัดสรรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามแล้ว และเมื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ราคาฯ เทียบกับ ไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ที่ร้อยละ -0.5

          ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่ลดลงข้างต้น แสดงให้เห็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 4 ที่รุนแรง ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ประมาณ 15,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 2,500 คนต่อวัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้มีการฟื้นตัวช้า มีการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เป็นพื้นที่ตลาดที่อยู่อาศัยหลักของประเทศ และเห็นได้ชัดว่าผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก

          โดยพบว่า ผู้ประกอบการยังคงใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อกระตุ้นการขายบ้านจัดสรร ควบคู่กับการเริ่มมีโปรโมชันการให้เข้าอยู่ฟรี 1-2 ปีแรก หรือ การปรับเป็นส่วนลดเงินสดในวันโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อเป็นการเร่งรัดในการตัดสินใจซื้อ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุทำให้ราคาบ้านจัดสรรใหม่ ลดลง โดยเฉพาะในโซน ลำลูกกาคลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ และโซนคลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอกลาดกระบัง ที่ยังคงมีหน่วยเหลือขายอยู่มาก จากรอบการสำรวจที่อยู่อาศัยในครึ่งแรกของปี 2564

          ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงใช้กลยุทธ์การลดราคา เพื่อกระตุ้นการขายบ้านจัดสรร และระบายสินค้าใน 2 โซนดังกล่าว คาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศจากการระบาด จะมีมากสุดในช่วงไตรมาส 3 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 จากแนวโน้มการฉีดวัคซีนครบโดสของประชากรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและการ กลับมาดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจ

          เมื่อจำแนกดัชนีราคาบ้านจัดสรร ในไตรมาส 3 ตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 126.2 ลดลงร้อยละ -0.7 (YoY) และลดลงร้อยละ -0.4 (QoQ) ส่วน 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.1 ลดลงร้อยละ -0.7 (YoY) และลดลงร้อยละ-0.5 (QoQ) สำหรับรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 37.7 กลับมาเป็นของแถม เช่น เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ ฯลฯ รองลงมาร้อยละ 35.9 เป็นส่วนลดเงินสด และร้อยละ 26.4 เป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์และ/หรือฟรีค่าส่วนกลาง สำหรับ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2564 พบว่า ค่าดัชนีเท่ากับ 151.7 จุด ลดลงร้อยละ -0.9 (YoY) ซึ่งมีค่าดัชนีลดลงต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 4

          สำหรับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีเมื่อเทียบ QoQ พบว่า ในไตรมาสนี้ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ที่ร้อยละ -0.2 จากดัชนีราคาห้องชุดใหม่ ได้แสดงให้เห็นว่า ราคาห้องชุดใหม่ยังมีทิศทางที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การ แพร่ระบาดในระลอกที่ 4 ของไวรัส COVID-19 ที่มีความรุนแรงมากขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2564 มีการ ล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เป็นพื้นที่หลักสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศ ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน ลดลง และยังมีข้อจำกัดในการ เดินทางเข้าประเทศของคนต่างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังซื้อที่สำคัญของตลาดห้องชุดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ที่ต้องหดตัวลงในภาวะสถานการณ์ที่ไม่ปกติในปัจจุบันนี้

          จากการสำรวจราคาห้องชุดใหม่ในไตรมาสนี้ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ด้วยการนำเสนอโปรโมชันในรูปแบบของแถมมากถึงร้อยละ 64.1 ของโครงการสำรวจ โดยเป็นการให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องชุดแบบพร้อมเข้าอยู่อาศัยให้ผู้ซื้อ เพื่อเป็นการเร่งรัดการตัดสินใจซื้อ หรือ การให้ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อ หรือ การให้ส่วนลดเงิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาห้องชุดใหม่ลดลง โดยดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 153.3 จุด ลดลงร้อยละ -0.9 (YoY) และลดลงร้อยละ -0.1 (QoQ) ส่วน 2 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 144.0 จุด ลดลงร้อยละ -0.8 (YoY) และลดลงร้อยละ -0.4 (QoQ).

 

ที่มา: