ชาญอิสสระฯ ผนึก วี บียอนด์-ไอเอฟซีจี ขนคอนโด ชะอำ-เชียงใหม่ เสนอขายนลท.

31 พ.ค. 2566 215 0

 

       



          นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ CI หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้าน บ้าน คอนโดฯ รีสอร์ท และ ออฟฟิศ ให้เช่า กับโครงการคุณภาพทั้งในเมืองท่องเที่ยว และ ในกรุงเทพฯ กล่าวถึงถึงเทรนด์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันว่า จากที่ผู้ซื้อตเองการเพื่ออยู่อาศัยแล้ว การมองหาโอกาสในการลงทุน ยังเป็นอีกช่องทางที่จะสามารถเพิ่ม รายได้และสร้างกำไรจากการถือครองห้องชุดในอนาคต ประกอบกับ ยังช่วยให้บริษัทฯ เพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นนักลงทุนเพิ่มขึ้น และช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการเงินได้

          ล่าสุด ชาญอิสสระฯ ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านนายหน้า และบริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด ดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในการขยายช่องทางการขายโครงการของบริษัทฯ ทั้ง 2 บริษัท เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งลูกค้า รายย่อยและลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งทางวี บียอนด์ และไอเอฟซีจี มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว

          โดยความร่วมมือดังกล่าวจะเริ่มต้นนำ 2 โครงการของบริษัทชาญอิสสระฯ คือ โครงการ “บลู ไดมอนด์” จำนวน 30-40 ยูนิต และโครงการ “ดิ อิสสระ เชียงใหม่” จำนวน 100 ยูนิต ที่คัดสรรยูนิตที่ดีและมีคุณภาพมาขายให้กับลูกค้าผ่านช่องทางของพันธมิตรทั้ง 2 ราย

          สำหรับโครงการ “บลู ไดมอนด์” เป็นโครงการที่ทาง CI ร่วมทุนกับบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) ก่อตั้งบริษัท ร่วมอิสสระจำกัด ขึ้นมาพัฒนาโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ อ.ชะอำ บนพื้นที่ 7 ไร่เศษ เป็นคอนโดฯสูง 21 ชั้นจำนวน 1 อาคาร พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 30.20-64.28 ตารางเมตร รวม 491 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 2.19-6.6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,506 ล้านบาท

          ส่วนโครงการ “ดิ อิสสระ เชียงใหม่” พัฒนาในนามบริษัท ชาญอิสสระวิภาพล จำกัด บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ เป็นคอนโดฯ สูง 7 ชั้น 2 อาคาร พื้นที่ใช้สอย 35-70 ตารางเมตร จำนวน 265 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 2.69-6.19 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 685 ล้านบาท

          “การร่วมมือกันในครั้งนี้ยังเป็นการเจาะกลุ่มนักลงทุน และช่วยขับเคลื่อนการขายให้กับบริษัท โดยไม่เป็นการขายแข่งกันหรือแย่งลูกค้าค้ากันซึ่งการร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 2 ราย จะมีส่วนช่วยทำให้ยอดขายโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 10%” นายสงกรานต์ กล่าว

          ด้าน นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ชาญอิสสระฯเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อนำโครงการของชาญอิสสระฯ มานำเสนอและขายให้กับลูกค้าของวี บียอนด์ ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า รายย่อยได้ในวงกว้างและสามารถช่วยชาญ อิสสระฯ ในด้านงานขายได้อย่างดี

          โดยผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. ค่าคอมมิชชันจากการเป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงที่โครงการอยู่ระหว่างพรีเซล ซึ่งมีการนำเสนอโครงการให้กับลูกค้าของวี บียอนด์ฯ และ 2. กำไรส่วนต่างจากราคาขาย ในส่วนของโครงการที่พร้อมอยู่ ซึ่งเป็นโครงการที่ วี บียอนด์ฯ ซื้อเข้ามาขายต่อให้กับลูกค้าในแพลตฟอร์มของวี บียอนด์ฯ

          “การที่เราเข้าไปล็อกต้นทุนราคาตั้งแต่ช่วงพรีเซล ก็จะทำให้เราได้ผลตอบแทนจากแอสเสท หรือ ROA ที่ดี บวกกับ ส่วนถึงส่วนลดจากการที่เราไปล็อกต้นทุนจากการโครงการที่บริษัทฯ เข้าไปซื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณภาพของโครงการ CI มีหลากหลายทำเล แต่ที่เป็นพรีเมียม จะมีทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ และในกรุงเทพฯ” นายวรเดช กล่าว

          นายวิทูร เลิศพนมวรรณ บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับชาญ อิสสระฯ ถือว่าเป็นโอกาสในการที่ไอเอฟซีจีได้นำโครงการที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี มานำเสนอกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ของไอเอฟซีจี  ปัจจุบันฐานลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 50,000 ราย ซึ่งเกือบร้อยละ 100 เป็นคนไทยเกือบทั้งหมด โดยที่การนำโครงการของชาญอิสสระฯเข้ามาร่วมไนการขายนั้น จะช่วยในการสร้างผลตอบแทนให้กับไอเอฟซีฯได้ร้อยละ 7-8

ที่มา: