จี้รัฐเปิดทางต่างชาติ กู้แบงก์ ซื้อที่อยู่อาศัยไทย กระตุ้นเศรษฐกิจ
อสังหาฯ จี้ รัฐปลดล็อค ต่างชาติกู้แบงก์ผ่อนบ้านในไทยได้ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลัง “กอบศักดิ์ ” ธนาคารกรุงเทพ จุดประกายให้แบงก์ชาติ ผ่อนปรน
ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ พบสัญญาณฟื้นตัวของตลาดอสังหาริม ทรัพย์ มีแนวโน้มดีขึ้นโดยมีตัวแปรมาจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย รัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบรวมไปถึงมาตรการเปิดทางต่างชาติศักยภาพสูง 4 กลุ่มให้สิทธิขอวีซ่าระยะยาว 10 ปี (LTR Visa) ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มมั่งคั่ง กลุ่มเกษียณ กลุ่มต้องการทำงานในไทย และกลุ่มชำนาญการพิเศษ เข้าพำนักในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐบาล ล่าสุดมีตัวเลขยื่นขอ LTR Visa ต่อสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้ว กว่า600 ราย
ทั้งยังให้สิทธิชาวต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่โดยออกตามความในมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2542 โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญคือต้องเป็นคนต่างด้าวตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนฯ ซึ่งต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจนั้นส่วนมาตรการซื้อห้องชุดของชาวต่างชาติยังคงสัดส่วนไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายเนื่องจากต่างชาติไม่เคยซื้อเต็มโควต้าดังกล่าว
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และเลขานุการบริษัทธนาคารกรุงเทพ นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาประเทศ การเงิน และตลาดทุน สะท้อนภาพอสังหาริมทรัพย์กับ กำลังซื้อต่างชาติ ตอนหนึ่งในงานสัมมนา ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และภาคีเครือข่ายสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ที่ระบุว่า ปัจจุบันสถาบันการเงินพาณิชย์ของไทยไม่สามารถปล่อยกู้ให้กับคนต่างชาติได้เนื่องจากยังติดกฎข้อบังคับของแบงก์ชาติ
ต่อเรื่องนี้ นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเห็นด้วยกับ ทางธนาคารกรุงเทพ ที่มีข้อเสนอที่ดี และเอกชนต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจต่อเนื่อง ดึงชาวต่างชาติ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ให้เข้าถึงง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยเปิดให้สถาบันการเงินของไทยปล่อยสินเชื่อ ให้กับต่างชาติเหมือนกับลูกค้าคนไทย ช่วยระบายสต๊อกที่สะสมอยู่ให้บางเบา
โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเนื่องจากที่ผ่านมาการซื้อคอนโด มิเนียมของต่างชาติ มักกำหนดให้ต้องวางเงินดาวน์ไม่ต่ำกว่า 30% จากราคาขายและต้องจ่ายส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อครบกำหนดช่วงวันโอนกรรมสิทธิ์ หากธนาคารแห่ง
ประเทศไทยยอมเปิดให้แบงก์พาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อให้กับกำลังซื้อกลุ่มนี้ได้เชื่อว่าธุรกิจอสังหาฯจะคึกคักมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้ขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้า เพราะกำลังซื้อคนไทย มีความเปราะบางสูง ติดปัญหาหนี้ครัวเรือน สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งจะขายได้เฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง แต่คนกลุ่มนี้มีปริมาณจำกัด
“เหตุผลที่เอกชนต้องการให้รัฐปลดล็อคให้ต่างชาติกู้ซื้อบ้านในไทยได้ เนื่องจากเขามีกำลังซื้อที่ดี เป็นช่วงค่าเงินบาทอ่อนค่าซื้อได้มูลค่าที่สูง หากสามารถกู้ธนาคารได้เชื่อว่าธุรกิจอสังหาฯจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้และแบงก์เองก็มีรายได้”
สำหรับการขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ โดยให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรในไทยได้ คงเป็นเรื่องอยาก เพราะกระทรวงมหาดไทย ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าหากเปิดต่างชาติซื้อบ้านได้เกรงว่าคนไทยจะไม่มีที่อยู่อาศัย ส่วนคอนโดมิเนียมสัดส่วนไม่เกิน 49% นางอาภามองว่า มีความเหมาะสมแล้ว
ขณะแหล่งข่าวบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจอสังหาฯระบุว่า มาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อต้องการต่างชาติให้ที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาซื้ออสังหาฯไทย อย่างแท้จริง หากเปิดให้กู้สถาบันการเงินแล้วเกรงว่า จะได้ไม่คุ้มเสีย และเสี่ยงต่อการตามตัวหากหนีกลับประเทศ ต่างชาติที่ไม่ดี
ด้านนายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้คนต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้ เพราะมองว่าขายชาติ เนื่องจากมีกำลังซื้อมากกว่าคนไทย และเห็นว่าควรยกเลิก สะท้อนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 6/2565 เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้นิติบุคคลต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนถือกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัย
โดยให้นิติบุคคลต่างด้าวผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัย โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาต
ประกอบด้วยที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 5 ไร่, ที่ดินสำหรับเป็นที่พักอาศัยของผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 10 ไร่, ที่ดินสำหรับเป็นที่พักอาศัยของคนงานให้ถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 20 ไร่, ที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งสำนักงานและที่พักอาศัยจะอยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่ดินอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการหรือไม่ก็ได้
ทั้งนี้ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นพิเศษ สำนักงานจะพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป โดยต้องจำหน่ายหรือโอนที่ดินภายใน 1 ปี เมื่อหมดสภาพการเป็นผู้ได้รับการส่งเสริม เป็นต้น ซึ่ง นายโสภณ ยืนยันว่า จะคัดค้านมาตรการนี้ต่อไป
“เอกชนต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ดึงชาวต่างชาติให้เข้าถึงง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยเปิดให้แบงก์ไทยปล่อยสินเชื่อ ให้กับต่างชาติเหมือนลูกค้าคนไทย”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ