คลังหั่นจีดีพีปี64โต2.8% สแตนดาร์ดฯ แนะรัฐเพิ่มวงเงินกระตุ้นศก.
สศค.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ เหลือ 2.8% จากสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาดหนักในไทย และทั่วโลก กดดันท่องเที่ยวทรุดต่อเนื่อง รอลุ้นวัคซีน รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านแบงก์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองจีดีพีปีนี้เติบโต 3.1% แนะรัฐเพิ่มวงเงินช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.3% ถึง 3.3%) ปรับลดจากการประมาณการครั้งก่อน
เนื่องจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ระบาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2564 จะลดลง
ทั้งนี้มีสัญญาณบวกจากการได้รับวัคซีนของประชากรในประเทศต่าง ๆ ในระยะต่อไป ประกอบกับภาครัฐได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
ประกอบกับคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานให้เพิ่มสูงขึ้น
โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 2.5% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.0% ถึง 3.0%) และ 3.4% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.9% ถึง 3.9%) ตามลำดับ ขณะที่การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 6.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.6% ถึง 6.6%) และ 12.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 11.6% ถึง 12.6%) ตามลำดับ
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ 6.2% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.7% ถึง 6.7%) โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.3% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.8% ถึง 1.8%) ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้นและการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ
ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ที่3.1%โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.5%ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ก.พ. 2564 และจะคงดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปี 2564 ด้วยเช่นกัน
โดยการฟื้นตัวน่าจะเป็นไปอย่างช้า ๆ โดยมีปัจจัยการเมืองภายในประเทศและความไม่ชัดเจนของการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ต้องจับตา ส่วนจีดีพีไทยปี 2565 คาดว่าอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น และมีโอกาสขยับขึ้นหากมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ส่วนเงินบาทยังคงแข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค แต่ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอของประเทศ โดยปัจจุบันแกว่งตัวอยู่ในระดับ30บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมุมมองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีก คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่29.75บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางปีนี้ และอยู่ที่29บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น