คลังจ่อปรับจีดีพีครั้งใหม่ต่ำกว่า 2%
น.ส.กุลยา ตันติเตมิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้เกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อีกครั้งในเดือน ก.ค.นี้ ส่วนจะปรับจีดีพีเป็นเท่าใด ต้องรอการผลการวิเคราะห์เศรษฐกิจในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ซึ่งเมื่อต้นเดือน เม.ย.2564 สศค.ได้ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเหลือ 2.3% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 2.8%
ทั้งนี้ การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจครั้งนี้ ต้องนำมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผ่านโครงการเราชนะที่แจกเงินช่วยเหลือคนละ 9,000 บาท รวม 33.50 ล้านคน วงเงิน 280,242 ล้านบาท โครงการ ม33 เรารักกัน คนละ 6,000 บาท รวม 8.14 ล้านคน วงเงิน 48,841 ล้านบาท รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้ง 2 มาตรการ 329,083 ล้านบาท ซึ่งอาจมีผลต่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอาจมีผลต่อจีดีพีเล็กน้อย
ส่วนมาตรการเยียวยาโควิดระลอก 3 รัฐบาลจะใช้เงิน 140,380 ล้านบาท คาดหวังมีเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจ 473,000 ล้านบาท ผ่านโครงการคนละครึ่ง, ยิ่งใช้ยิ่งได้ และการเติมเงินเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ครอบคลุม 51 ล้านคนนั้น คาดว่าจะมีผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจราย 1% โดยโครงการดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 1 ก.ค.-31ธ.ค.นี้
สำหรับความคืบหน้าการสมัครโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 30 มิ.ย. มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 28.63 ล้านคน ยังเหลืออีก 2.37 ล้านคน ก็จะครบ 31 ล้านคน และขณะนี้ได้มีการตรวจสอบสิทธิ์การใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งแล้ว 25.5 ล้านคน ซึ่งประชาชนที่ยืนยันตัวตนเรียบร้อยสามารถใช้จ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 ซึ่งกระทรวงการคลังได้โอนเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังงวดแรกให้แล้ว 1,500 บาทส่วนงวด 2 จะโอนเงินให้อีก 1,500 บาทในเดือน ต.ค.2564
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและยังไร้วี่แววว่าจำนวนผู้ป่วยจะลดลงนั้น ทำให้ สศค.ต้องปรับลดการประมาณการเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจจะโตไม่ถึง 2% อย่างที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีถึงแม้จะมีการเปิดประเทศด้วยโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็ตาม และอาจจะมีการเปิดอีกหลายเมืองนั้น แต่เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิดยังไม่คลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวกังวลใจ หลายรายยกเลิกการเดินทางออกไปก่อน
ที่มา: หนังสือพิมพ์เไทยรัฐ