ครม.ไฟเขียว แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดเหลื่อมล้ำทางรายได้ เสริมมั่นคงพื้นที่ชายแดน
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยได้พิจารณาองค์ประกอบการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 5 ด้าน และการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ดังนี้
1.การให้สิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกการลงทุน
2.การพัฒนาห่วงโซ่การผลิตและบริหาร
3.การวิจัยและพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
4.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
และ 5.การพัฒนาแรงงานและสนับสนุนผู้ประกอบการ
พร้อมทั้งกำหนดขอบเขตพื้นที่กิจการเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
น.ส.รัชดา กล่าวถึงความก้าวหน้าการด้านการสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระเบียงเศรษฐกิจพิเศษใน 4 ภาค (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้) ว่า มูลค่าการลงทุนในปี 2564 จำนวน 118,637 ล้านบาท มีการดำเนินโครางการสำคัญทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์อุทยานวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมส่วนเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดน 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา หนองคายนราธิวาส เชียงราย นครพนม และจังหวัดกาญจนบุรี เกิดการลงทุนภาคเอกชน (ปี 2558-เมษายน 2565) จำนวน 36,882 ล้านบาท ด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรแล้วเสร็จร้อยละ 89%
“ผลสำเร็จของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้การกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดน รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อให้มีการเข้ามาลงทุนในพื้นที่นั้นๆ อีกทั้งยังมีกฎหมาย มาตรการ หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จูงใจนักลงทุนให้เข้ามาทำธุรกิจในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย โดยสิทธิประโยชน์ต่างๆ จะเป็นในเรื่องของกฎระเบียบที่มีความผ่อนปรนเป็นพิเศษ รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีและอื่นๆอีกมากมาย"น.ส.รัชดากล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ