ขุมทองอีอีซี'แหล่งงาน-ท่องเที่ยว'คึกคัก
บุษกร ภู่แส
กรุงเทพธุรกิจ
ดึงนักลงทุนเจาะดีมานด์อสังหาฯพุ่ง
โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ ภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (EEC) อย่างต่อเนื่อง ดึงดูดเมกะโปรเจกต์ภาครัฐและเอกชนปักหมุดขยายการลงทุนมหาศาล เกิดการจ้างงานและแรงงานไหลเข้าพื้นที่อีอีซี เป็นโอกาสทองของสินค้าและบริการ ทุกภาคส่วน
ปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด และประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งเป้าหมายของการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้พื้นที่อีอีซี โดยช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2561-2564 มีการลงทุนผ่านโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนรวมมูลค่า “1.7 ล้านล้านบาท”
โดยคาดการณ์ว่าพื้นที่อีอีซี จะมีจำนวนประชากร (รวมประชากรแฝง) เพิ่มขึ้นเป็น 4.42 ล้านคนในปี 2570 คน หรือเพิ่มขึ้นจากประมาณการปี 2565 ถึง 700,000 คน ขณะที่ ความต้องการจ้างแรงงานใหม่เพิ่มสูงขึ้น เช่นกัน คาด 5 ปี (2562-2566) จะมีความต้องการ แรงงานใหม่มากถึง 475,668 คน
อีอีซี นับเป็น “แหล่งงานขนาดใหญ่” แจ้งเกิด แหล่งที่อยู่อาศัยใหม่และขนาดใหญ่ เช่นกัน จะเห็นว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนท้องถิ่น! เพราะมองเห็นศักยภาพและการเติบโต ของพื้นที่ในทุกด้าน ประกอบกับการ เปิดประเทศเต็มรูปแบบจะช่วยให้ “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว” กลับมาคึกคัก อีกครั้ง! ทำให้อัตราการปล่อยเช่าอสังหาฯ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการพักผ่อนในพื้นที่อีอีซีไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นับเป็นโอกาสสำคัญของ “ออริจิ้น” ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับเมกะโปรเจกต์ ในอีอีซี ที่มีความเข้าใจตลาด และมองเห็นโอกาสเข้าถึงแหล่งงานที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้ง มองเห็น “Pain Point” ของนักลงทุน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 90% ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีอีซี เป็นที่มาของการจัดตั้ง “อินเวสเม้นท์ เลานจ์” บริเวณด้านหน้าของโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีทส์ แบงค็อก ทองหล่อ เพื่อให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการลงทุนโครงการในอีอีซีสำหรับ นักลงทุนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มองหา โอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงในทำเลศักยภาพ
“การบริหารความมั่งคั่งในปัจจุบันแตกต่างจากหลายสิบปีที่ผ่านมา เวลานี้ มีการลงทุนหลากหลายให้เลือกแต่จุดเด่น ที่สำคัญของอสังหาริมทรัพย์นอกเหนือจากที่มีสินทรัพย์เป็นตัวตน มีความมั่นคง สามารถพักอาศัยได้และสามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ แม้ไม่ได้หวือหวาเหมือนคริปโทฯ High Return High Risk ซึ่งไม่ได้บอกว่า การลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน แต่สิ่งที่แนะนำก็คือ สำหรับนักลงทุนก็คือควรจะกระจายความเสี่ยงในการลงทุน”
ในส่วนของ “ออริจิ้น” จะเน้น กลุ่มลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์ที่ซื้อ เพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนเพื่อปล่อยเช่า จากข้อมูลพบว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ “คุ้มค่า” เพราะมูลค่าไม่ได้ลดลง ยิ่งในภาวะเงินเฟ้อถือเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์! โดยผ่าน Origin EEC Investment Property Program เป็นโปรแกรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ภายใต้จุดเด่นให้ผู้ลงทุนได้รับทั้ง ผลตอบแทนที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการพักผ่อน
“ซื้อห้องไว้ ไม่ต้องจัดการ ไม่ต้องหา ผู้เช่าเอง แต่มีทีมจากบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HHR) บริษัทในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผู้ให้บริการระดับ 5 ดาว ที่มีเครือข่ายเอเจนท์ ช่วยบริหารจัดการและจัดหาผู้เช่าให้ ด้วยการลงทุน ในราคาที่ต่ำกว่าการลงทุนในพื้นที่เขตเมืองกรุงเทพฯ เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท แต่ให้ผลตอบแทนในอัตราเท่ากันและมั่นคง 5-9% ต่อปี นาน 20 ปี พร้อมรับ สิทธิประโยชน์ในการเข้าพักโรงแรมในเครือบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ทั่วประเทศ”
ภายใต้โปรแกรมดังกล่าวมี 6 โครงการ ไฮไลต์ในพื้นที่อีอีซี รวมกว่า 1,290 ยูนิต มูลค่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ระยอง ใกล้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง โครงการพร้อมอยู่ สูงสุดในระยอง ติดถนนสุขุมวิท ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท 3.บริกซ์ตัน ระยอง ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ใจกลางเมือง 4.แฮมป์ตัน ศรีราชา ใจกลางเมือง ศรีราชา รองรับการอยู่อาศัยของบุคลากร ชั้นนำจากในไทยและต่างประเทศ ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท 5.บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท และ 6.บริกซ์ตัน เกษตร-ศรีราชา แคมปัส ติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 บริษัทจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ทำเล “บางแสน” ในไตรมาส 3 และไตรมาสสุดท้าย ปักหมุด ระยอง และฉะเชิงเทรา
“ตลาดคอนโดมิเนียมในโซนอีอีซี ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 ขึ้นอยู่กับว่า โครงการ ที่เปิดอยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมทั้งราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อหรือไม่”
จากข้อมูลแรงงานในโซนอีอีซี ในปี 2566 คาดว่า ดีมานด์ของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการ แรงงานใหม่มากถึง 475,668 คน จาก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี มีสัดส่วน 55% ระยอง 30% และฉะเชิงเทรา 15%
โดยแรงงานส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม ที่มีทักษะสูงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มงานดิจิทัล โลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์อนาคต เป็นต้น ขณะที่ กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูงขึ้นเฉลี่ย 80,000-100,000 บาท ต่อเดือน รวมถึงการเข้ามาของกลุ่มลูกค้าชาว ต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน โดยเฉพาะคนจีนที่กลับเข้ามา! รวมถึงกลุ่มคนที่เคยลงทุนในคริปโทฯ จะหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นด้วย
“เปิดประเทศช่วยให้ท่องเที่ยวคึกคักอัตราปล่อยเช่าอสังหาเพื่ออยู่อาศัย และการพักผ่อนในพื้นที่อีอีซีไต่ระดับสูงขึ้น”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ