SMART อสังหาฟื้นหนุนดีมานด์ทะลัก

10 Nov 2022 335 0

           นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการ งวด 9 เดือน ปี 2565 มีรายได้รวม 409.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 338.47 ล้านบาท จำนวน 71.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.46 ล้านบาท

          ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2565 มีรายได้ รวม 144.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 103.35 ล้านบาท จำนวน 40.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.82 ล้านบาท

          มาตรการกระตุ้น

          ทั้งนี้ผลประกอบการในส่วนของรายได้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดประเทศ ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งก่อสร้างเพื่อเปิดโครงการใหม่ อีกทั้งโครงการภาครัฐ ได้แก่ อาคารหน่วยงานราชการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพู เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ทันตามกำหนด ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา ปรับตัวดีขึ้น และราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวสูงขึ้น

          สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2565 คาดเติบโตดี สัญญาณบวกจากผู้ประกอบการอสังหา โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งกิจกรรมกระตุ้นยอดขายระบายสต๊อกเดิม และเร่งก่อสร้างโครงการใหม่เพื่อส่งมอบ ก่อนยกเลิกมาตรการผ่อนปรน LTV ภาคธุรกิจที่พักอาศัย อาคาร โรงแรม ร้านอาหาร

          ดำเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง และต่อเติม

          อีกทั้ง โครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน เดินหน้าก่อสร้างตามแผน นอกจากนี้ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน อาคารสนามบิน ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานและความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเพิ่มขึ้น

          ดีมานด์เพิ่มขึ้น

          ”แนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน อีกทั้ง ช่วยลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ขาดแคลนแรงงาน อาทิ อิฐมวลเบาขนาดพิเศษ และ อิฐมวลเบาเพื่องานตกแต่ง พร้อมทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เจ้าของบ้าน สถาปนิก ผู้รับเหมา บริษัทรับสร้างบ้าน อีกทั้ง ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรดและออนไลน์เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีวางจำหน่ายในไทวัสดุ 64 สาขา โกลบอลเฮ้าส์ จาก 68 สาขา ดูโฮม 20 สาขา ทั่วประเทศ” นายรังสี กล่าว

Reference: