NOBLE แบ็กล็อกเกิน 1หมื่นล้าน ลุยเปิด 2 โครงการ มูลค่า 8 พันล้านโค้งสุดท้าย

17 Oct 2022 265 0

          “โนเบิล” ประเมินตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 4/65 ฟื้นกลับมาดี หลังเปิดประเทศหนุนนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น พร้อมบุกหนักโค้งสุดท้ายของปี เตรียมเปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ขณะที่ตุนแบ็กล็อก มากกว่า 10,000 ล้านบาท มั่นใจยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้เข้าเป้าที่วางไว้ 10,000 ล้านบาท

          นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2565 เริ่มมีการฟื้นตัว (pickup) กลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้น จึงส่งผลดีต่อบริษัทด้วย ซึ่ง NOBLE ในฐานะผู้นำทางด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่างชาติ

          ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา NOBLE เป็นผู้นำในการขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้กับลูกค้าต่างชาติ โดยมี Market Share (ส่วนแบ่งทางการตลาด) มากกว่า 50% ของมูลค่าตลาดรวมการขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้กับลูกค้าต่างชาติที่ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นยอดขายของ NOBLE ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่ NOBLE ก็ยังคงมียอดขายจากลูกค้าต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการเดินหน้าทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเปิดพิจารณาการออกวีซ่าประเภทใหม่ สำหรับผู้พำนักระยะยาวของประเทศไทย (Long–Term Resident Visa: LTR Visa) ก็ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ NOBLE เช่นกัน

          สำหรับในช่วงไตรมาส 4/2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท เป็นโครงการประเภทแนวราบ จำนวน 1 โครงการ และเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียม จำนวน 1 โครงการ โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้วประมาณ 10 โครงการ

          นายอรรถวิทย์ กล่าวอีกว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 มีบางโครงการที่บริษัทตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัวออกไป เพราะโครงการประเภทแนวราบบริษัทต้องการให้เป็นโครงการที่สร้างเสร็จก่อนขาย ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่เลื่อนการเปิดตัว เนื่องจากเป็นโครงการร่วมทุนที่มีขนาดใหญ่ ยังต้องรอจังหวะให้มั่นใจว่าต่างชาติกลับเข้ามาในประเทศไทยจริง ส่งผลให้ในปี 2565 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ไม่ถึง 18 โครงการ มูลค่า 47,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้

          ดังนั้น ในแง่ของยอดขาย (Presale) ในปี 2565 จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมองว่าไม่มีผลกระทบกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 โดยในปี 2565 บริษัทยังให้ความสำคัญกับการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่มียอดขายรอโอน (Backlog) เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี Backlog ในมือมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท จึงมั่นใจยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ระดับ 10,000 ล้านบาท

Reference: