DDproperty แนะลงทุนคอนโดฯ โฟกัสคนซื้อให้ชัดเจน

18 Jul 2023 209 0

 

          เปิด4โฉมหน้าลูกค้าห้องชุดใหม่

          อสังหาริมทรัพย์

          ตลาดที่อยู่อาศัยไทย ในวันนี้ ต้องยอมรับว่ากลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาน์เฮาส์ ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับบนระดับราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงเป็นกลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวดีที่สุด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทางการเงิน และหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงที่สถาบันการเงินต้องการดึงให้มาเป็นลูกค้ามากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับกันว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ เมื่อคิดเป็นสัดส่วนแล้วมีจำนวนเพียง 10-20% ของตลาดเท่านั้น

          ขณะที่กลุ่มตลาดมีขนาดใหญ่ที่สุด คือ กลุ่มกำลังซื้อระดับ กลาง-ลงล่าง ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ 0.8 แสนบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 40-50% ของตลาดรวม ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยตลาดระดับกลาง และตลาดกลาง-บน ระดับราคา 3-5 ล้านบาทและกลุ่ม 5-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 30-40% ของตลาดรวม

          ทั้งนี้ กลุ่มตลาดระดับกลาง-ล่างนั้น แม้ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่สูง แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือที่เรียกว่า Real Demand ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมยังคงสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการระดับราคา 0.8-1.5 ล้านบาท เพื่อรองรับดีมานด์ในตลาดดังกล่าว แม้ว่าจะยุ่งยากในการคัดกรองลูกค้าที่ปลอดภาระหนี้และเครดิตบูโร ประกอบกับต้องมีเงินออมหรือเงินดาวน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้สูงขึ้นก็ตาม

          ส่วนกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับ 3-5 ล้านบาทและกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาประกอบไปด้วยกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เช่น คนรุ่นใหม่ที่ทำงานในเมือง และกลุ่มคนทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยย่านชานเมืองในแนวรถไฟฟา หรือกลุ่มที่ทำงานในเมือง และพักอาศัยในโซนสถานนีรถไฟฟาปลายทาง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนคนไทยที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า

          ทั้งนี้ จากแนวโน้มการฟืนตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่อยู่ในสภาพค่อยเป็นค่อยไป และปัจจัยลบจากการปรับตัวของหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และปัญหากำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว จากผลกระทบปัญหาเงินเฟอ ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งเคยเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯให้ขยายตัวอย่างร้อนแรงในช่วง 3-5 ปีก่อนหน้ายังคงทยอยฟืนตัวอย่างช้า ๆ ผิดจากคาดการณ์ของบริษัทอสังหาฯหลายๆราย ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดฯจะกลับมาฟืนตัวได้อย่างเต็มตัว

          โดยมีปัจจัยหนุนคือการฟืนตัวทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวที่กลับมาขยายตัวหลังมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยกลุ่มนักท่องเที่ยว และนักลงทุนชาวจีนจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟืนตัวของตลาดคอนโดฯในปีนี้

          ล่าสุด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อาทิ บมจ.ศุภาลัย บมจ.ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) และบมจ.แสนสิริ บมจ.เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ ทยอยประกาศแผนลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดอย่างต่อเนี่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการฟืนตัวของตลาดช่วงปลายปี 66 และตลาดในปี 67 ทิศทางดังกล่าวทำให้ผู้บริโภค และนักลงทุนทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ เริ่มศึกษาและพิจารณา คอนโดฯโครงการใหม่ๆ รอจังหวะการลงทุนรองรับดีมานด์ตลาดคอนโดฯที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้

          โครงการในฝันผู้บริโภค-นักลงทุน

          แน่นอนว่าโครงการคอนโดมิเนียม ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและนักลงทุน ต้องสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านการอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และที่สำคัญคือมีมูลค่าเพิ่ม โดยปัจจับน โครงการต้นแบบที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและนักลงทุน เรียกได้ว่าเป็นโครงการในฝัน ของหลายๆคนเลยทีเดียวก็คือ THE FORESTIAS โครงการภายใต้การพัฒนาจากค่าย “แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น” หรือ MQDC เนื่องจากเป็นโครงการที่ครบครันทุกด้าน ทั้งความเป็นส่วนตัว เน้นสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อม มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์กลุ่มผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่ม ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่ต้องยอมรับว่าโครงการที่เพียบพร้อมย่อมมีราคาและค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับคุณภาพที่ลูกค้าจะได้รับ จึงเป็นเรื่องยากที่กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อจำกัดจะเข้าถึงได้  ทำให้มีเพียงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการดังกล่าวเท่านั้นที่เข้าถึงได้

          6 ปัจจัยการพัฒนาคอนโดฯเมือง

          อย่างไรก็ดี โครงการใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา ต่างก็มีข้อดีและจุดเด่น ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโครงการเกิดใหม่จะเน้นใน6 เรื่อง สำคัญๆ โดย นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอมแอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัท วิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ซื้ออาคารชุดพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลในปัจจุบัน ระหว่างปี 2565-2566 พบว่า ผู้ซื้ออาคารชุดในปัจจุบันในความสำคัญกับ 6 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้ออาคารชุด ประกอบด้วย

          เน้นเรื่อง ทำเล โดยจากผลการสำรวจพบว่า 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับเรื่องของทำเล เป็นหลักโดยทำเลที่ตั้งที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญต้องเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะหรือจุดขึ้น-ลงทางด่วน ใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษา

          ราคา สำหรับราคา เป็นปัจจัยสำคัญเป็นอันดับรองลงมาโดย ผู้ตอบแบบสอบถาม 65% ให้ความเห็นว่าในทำเลเดียวกัน ราคาที่ สมเหตุสมผล (Reasonable Price) และสามารถจับต้องได้ (Affordable Price) เป็นปัจจัยต่อมาที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อ โครงการพื้นที่สีเขียว เมื่อได้ทำเลและราคาที่เหมาะสมแล้ว ปัจจัยที่จะตัดสินใจซื้อโครงการใดโครงการหนึ่งที่ตั้งอยู่ในทำเลเดียวกันใน ระดับราคาที่ใกล้เคียงกันเป็นเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก และ การออกแบบโครงการโดยมีปัจจัยที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับโครงการที่พื้นที่ส่วนกลางที่มีพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อน

          พื้นที่ออกกำลังกาย นอกจากพื้นที่สีเขียวภายในโครงการแล้วผลการสำรวจพบว่า 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการให้โครงการมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายรวมทั้งสระว่ายน้ำ เพื่อตอบโจทย์กับ รูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ

          สิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และไม่น้อยกว่า 40% ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน อาทิ EV Charger และการติดตั้ง Solar Cell เพื่อการประหยัดพลังงาน

          รูปแบบของห้อง ในขณะที่รูปแบบของห้องเป็นปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อห้องชุด โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ซื้อไม่น้อยกว่า 48% เป็นผู้ซื้อที่พักภายใน ห้องชุด 2 คน ทำให้ผู้ซื้อสนใจที่จะซื้อห้องในรูปแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 65% ของผู้ตอบแบบสอบถาม และ 28% สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบห้องสตูดิโอ โดยให้เหตุผลในเรื่องของขนาดเหมาะสมกับการอยู่อาศัย แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาห้องรูปแบบ 1 ห้องนอน พลัส ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผลการวิจัยพบว่า ผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมยังคงมีการทำงานที่บ้าน (work from home) อยู่ถึง 22% เฉลี่ยวันละ 1-2 วัน/สัปดาห์ โดยเฉพาะคน Gen Z ที่ต้องการพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถทำเป็นห้องทำงานภายในห้องได้

          ”ภายในพื้นที่ห้องชุด ผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับห้องนอนเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ห้องนั่งเล่น และให้ความสำคัญกับห้องครัวเป็นอันดับสุดท้าย โดยในปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบห้องชุดออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น ห้องที่มีห้องนั่งเล่นอยู่ติดหน้าต่าง-ระเบียงจะมีข้อดีคือ ห้องนั่งเล่นได้แสงธรรมชาติ มองเห็นวิวภายนอก แต่จะมีข้อเสียคือ ทำให้ห้องครัวไม่ได้ติดระเบียง ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่ทำครัวบ่อย แต่ถ้าห้องที่ได้ครัวติดระเบียง ห้องนั่งเล่นก็จะไม่เห็นวิวและแสงธรรมชาติ”

          สำหรับ 6 ปัจจัยในการเลือกซื้ออาคารชุดที่สำคัญ โดย 2 ปัจจัยแรกเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อคือทำเลและราคา เมื่อได้ทำเลและราคาที่เป็นตัวเลือกแล้ว อีก 4 ปัจจัยหลัง จะเป็นปัจจัยสำคัญ ในการตัดสินใจซื้อเมื่อนำรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในทำเล และราคาที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ โดยเฉพาะในด้านการออกกำลังกายและพื้นที่สีเขียวที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดฯ จึงควรให้ความสำคัญกับพื้นที่ทั้งสอง

          ”การเน้นเรื่องการออกแบบให้น่าใช้งานและมีความหลากหลายเพื่อส่งเสริมการใช้งานที่ต่างกันออกไปนอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางพื้นฐาน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ซื้อโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลาง และรูปแบบของห้องที่จะสามารถตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อ เพราะเป็น 4 ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของผู้ซื้อ” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว

          “DDproperty” แนะโฟกัสลูกค้าคอนโดฯใหม่ให้ชัด

          อย่างไรก็ตาม ตลาดคอนโดฯในปัจจุบัน ยังมีซัปพลายเหลือขายสะสมอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งซัปพลายเหล่านี้หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าเป็นห้องชุดพร้อมอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการต้องการระบายออกให้เร็วที่สุดเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และนำเงินสดกลับมาในระบบหมุนเวียนของแต่ละบริษัท ทำให้คอนโดฯพร้อมอยู่เหล่านี้กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของคอนโดฯใหม่ ดังนั้นในการพัฒนาโครงการใหม่ผู้ประกอบการจึงต้องโฟกัสลูกค้าให้ชัดมากที่สุด ดังนั้น นอกจากปัจจัยสำคัญทั้ง 6 ปัจจัยที่ผู้พัฒนาคอนโดฯต้องให้ความสำคัญแล้วสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

          โดยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ “DDproperty” ระบุว่ากลุ่มลูกค้าโครงการคอนโดฯใหม่นั้นประกอบด้วยกลุ่มผู้บริโภค 4 กลุ่มหลักๆ คือ

          1. คนที่ชอบของใหม่ เนื่องจากคอนโดฯใหม่  มีตัวตึก อาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ยังไม่เสื่อมสภาพ จึงสามารถใช้งานได้อีกนานหลายปี โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมบำรุง

          2. คนที่ชอบความทันสมัย คอนโดฯใหม่ สร้างขึ้นใหม่ มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย ทั้งการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การตกแต่ง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Smart Condo หรือการประยุกต์ใช้ Internet of Things มาช่วยให้การใช้ชีวิตนั้นง่ายขึ้น

          3. คนที่ชอบความคุ้มค่า คอนโดฯใหม่ จะมีข้อเสนอพิเศษ/ โปรโมชันส่วนลด แลก แจก แถม ฟรี เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ และมีมาตรการรัฐช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น มาตรการลดค่าโอน- จดจำนอง

          4. คนที่ชอบการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ คอนโดฯใหม่ดึงดูดใจผู้เช่าและผู้ซื้อได้มากกว่า เนื่องจากยังไม่มีผู้ใดอยู่อาศัยมาก่อน สภาพห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังมีความสมบูรณ์ 100%

          นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ “DDpro perty” ระบุว่าการเลือกซื้อคอนโดฯใหม่ ทำให้ผู้บริโภคต้องพิจารณาหลายด้าน เนื่องจากในการซื้อห้องชุดต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคต้องพิจารณาเพิ่มมากขึ้น เพื่อความคุ้มค่าที่สุด ดังนั้น โดยหลักๆ แล้ว นอกจากความชอบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแล้ว ก่อนซื้อคอนโดฯใหม่ ผู้บริโภคจะพิจารณา 5 เรื่องประกอบการตัดสินใจซื้อคอนโดฯใหม่ ประกอบด้วย

          1. ความพร้อมทางการเงิน การซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดฯใหม่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม เป็นภาระผูกพันระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรสำรวจความพร้อมทางการเงินของตนเองเสียก่อนโดยสามารถจะรู้ได้ว่ารายได้เท่านี้กู้ได้เท่าไร เทคนิคคำนวณวงเงินสินเชื่อบ้านในเบื้องต้น ซึ่งจะประเมินจากรายได้และภาระหนี้สิน ติดเครดิตบูโรหรือไม่ ทำให้รู้ว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินจะให้วงเงินสูงสุดเท่าไหร่ และความสามารถในการชำระหนี้ต่อเดือน

          2. ทำเลตอบโจทย์ ทำเลมีผลต่อราคาคอนโดฯใหม่ และเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ต้องพิจารณา ซึ่งแน่นอนว่าทำเลตอบโจทย์ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน บางคนอาจจะชอบทำเลในเมือง มองหาคอนโดฯใหม่ในเมือง คอนโดฯใหม่ติดรถไฟฟา รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาสูง มีหลายเซกเมนต์ให้เลือก ในขณะที่บางคนอาจจะชอบคอนโดฯชานเมืองเพราะอยากหลีกหนีความวุ่นวาย ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว มองหาคอนโดฯที่มีพื้นที่สีเขียว คอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ เมื่อขยับออกมานอกเมืองหน่อย ราคาก็จะถูกลง ดังนั้นเลือกทำเลที่ลงตัวในการใช้ชีวิตและตอบโจทย์ที่สุด

          3. รูปแบบโครงการ โดยรูปแบบโครงการคอนโดฯใหม่ เรื่องของดีไซน์ความสวยงาม อาจจะถูกลดความสำคัญลง เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ใช้สอย เนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากการมาของโควิด-19 ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าน หรือคอนโดฯกันมากขึ้น โครงการคอนโดฯใหม่จึงไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำงาน รองรับการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) รวมถึงกิจกรรมที่ต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่คอนโดฯมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากจุดขายคอนโดฯใหม่ในปัจจุบัน

          4. ขนาดห้อง ต่อมาคือการเลือกขนาดห้อง โครงการคอนโดฯใหม่มีขนาดห้องให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ เริ่มตั้งแต่ สตูดิโอไปจนถึงคอนโดฯหรูระดับเพนต์เฮาส์ซึ่งจะมีพื้นที่ใช้สอย (ตารางเมตร) เพิ่มมากขึ้น ยิ่งตารางเมตรเพิ่มมากขึ้น ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละคอนโดฯ การเลือกรูปแบบห้องและขนาดพื้นที่ใช้สอย พิจารณาจากงบประมาณ ความชอบ ไลฟ์สไตล์จำนวนผู้อยู่อาศัย รวมถึงการลงทุนในอนาคต ในกรณีที่คิดจะขายต่อหรือปล่อยเช่าในอนาคต

          5. ข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชันส่วนลดจากผู้พัฒนาคอนโดฯการซื้อคอนโดฯใหม่ต้องฉลาดเลือก เพื่อความคุ้มค่าคุ้มราคา ต้องพิจารณาข้อเสนอพิเศษ/โปรโมชันส่วนลดของแต่ละโครงการมาเปรียบเทียบกัน ผู้ประกอบการแข่งขันกันออกแคมเปญโปรโมชันต่างๆ มา กระตุ้นความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น อยู่ฟรี ฟรีค่าโอน-ค่าจดจำนอง ฟรีค่าส่วนกลาง ยังไม่นับรวมของแถมอีกมากมาย เช่น ชุดเครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟา เครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนเพื่อให้ผู้ซื้อคอนโดฯใหม่รู้สึกว่าคุ้มค่าในช่วงภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

          แม้ว่าตลาดคอนโดฯในปัจจุบันจะยังไม่กลับมาขยายตัวเต็มที่อย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ แต่เชื่อว่าในระยะอันใกล้นี้ตลาด คอนโดฯ จะเริ่มส่งสัญญาณการกลับมาฟืนตัวที่ชัดเจนได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดีมานด์จากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาอย่างเต็มตัว ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 66 ต่อเนื่องไปในปี 67 ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ดีมานด์คอนโดฯจากต่างชาติกลับมาคึกคักได้ชัดเจนมากขึ้น

 

Reference: