CPANEL ออเดอร์เข้าพรึ่บดีมานด์ล้น-แบ็กล็อกแน่น
CPANEL แย้มไตรมาสแรกลูกค้าป้อนออเดอร์เพียบ หนุนผลงานโตเด่น ด้านผู้บริหารชี้อสังหาคึกคัก พรีเคสตอบโจทย์บ้านระดับกลาง-บน แย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 7 ราย พร้อมดันกำลังผลิตครึ่งปีหลังทะลุ 60% เดินหน้าเพิ่มศักยภาพโรงงานแห่งที่ 2
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete)ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมาถือว่าดีมาก เพราะราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ทำให้ลูกค้าต้องการสินค้าเร็วขึ้น ขณะเดียวกันคาดจะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ของ CPANEL ออกมาค่อนข้างดี
พบดีมานด์ล้น
อีกทั้งช่วงโควิด-19 ระบาดหนักในประเทศ แรงงานขาดแคลนหรือลดลง 30% เป็นสาเหตุให้สินค้า ผลิตภัณฑ์ พรีเคสมีความต้องการสูง และตอบโจทย์ลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางและระดับบน สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ คาดจะเติบโตประมาณ 15-20% จากนโยบายภาครัฐการผ่อนคลายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value : LTV) โดยเฉพาะโครงการแนวราบ คาดว่าจะเติบโตมากขึ้น รองรับความต้องการลักษณะการทำงานแบบ Work From Home
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog ที่ 1.25 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทเซ็นสัญญารับงานใหม่เข้ามาแล้วในช่วงไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา และทยอยส่งมอบ พร้อมกับรับรู้รายได้ไปแล้วบางส่วน และบริษัทยังมีลูกค้าอีกหลายรายที่มีความสนใจใช้พรีเคส ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 7 ราย
เร่งอัพกำลังผลิต
อย่างไรก็ตามบริษัทมีลูกค้าอยู่ในโซนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คิดเป็นสัดส่วน 10-15% ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าในเขตรอบๆ EEC และกรุงเทพฯ ปัจจุบันบริษัทใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 60% และคาดครึ่งปีหลัง 2565 จะขยับกำลังผลิตขึ้นเป็นเกิน 60% ตามคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่ทยอยเข้ามา
ขณะที่ความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพโรงงานเดิมคาดว่าจะติดตั้งในช่วงไตรมาส 2/2565 โดยบริษัทเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต สามารถผลิตพรีเคสได้รวดเร็วมากขึ้นและสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 5-10%
เดินหน้าลงทุน
ด้านการลงทุนเครื่องจักรผลิตพรีเคส เพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 หลังจากที่เดินทางไปดูเครื่องจักรที่ประเทศเยอรมนีแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมสรุปการสั่งซื้อ และคาดว่าจะสั่งเข้ามาติดตั้งในช่วงไตรมาส 2/2566 หลังจากที่เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในช่วงไตรมาส 2/2565 ตามแผนที่วางไว้
อนึ่ง ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 312.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 221.15 ล้านบาทจำนวน 91.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.27% และมีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.12 ล้านบาท จำนวน 18.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 142.38%
โดยรายได้ของบริษัทเติบโตถึง 40% มากกว่า เป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 35% เนื่องจากในปี 2564 ลูกค้ามีคำสั่งซื้อกลับมาเป็นปกติหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2563 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น