ANAN พอร์ตลูกค้าต่างชาติดัน Q1 โชว์ยอดขายโตกว่า 140%
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายงวดไตรมาส 1/2566 ที่ราว 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แบ่งเป็นยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างประเทศราว 45% และยอดขายกลุ่มลูกค้าไทยราว 55% โดยกำลังซื้อกระจายอยู่ในโครงการระดับลักชัวรี่ (Luxury), และระดับกลาง-บน (Mid-Scale) ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถโอนกรรมสิทธิ์โครงการให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ได้เตรียมความพร้อมด้านการเงินไว้ในระดับหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
พร้อมกันนี้คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หนุนจากความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ และลูกค้าในไทยซึ่งต้องการที่อยู่อาศัยที่พร้อมอยู่ (READY TO MOVE), รวมถึงโครงการที่มีกำหนดสร้างเสร็จภายในปี 2566 นี้ เพื่อความมั่นใจ
“ค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้ บริษัทจะสามารถระบายสต๊อกโครงการได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ หนุนจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวใกล้สู่ระดับปกติ ประชาชนเริ่มกลับเข้ามาทำงาน ขณะที่ต่างชาติทั้งจีน, ฮ่องกงที่ยังคงต้องการขยายฐานธุรกิจ, ส่งบุตร-หลานมาเรียน ซึ่งกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาต่างต้องการโครงการที่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ทันที จากนั้นกลุ่มต่อๆ ไปที่จะเดินทางเข้ามาก็จะเข้ามาเลือกซื้อโครงการที่ใกล้เสร็จ เพื่อวางแผนรองรับอนาคต”
จีนกำลังซื้อสูง
นายไซม่อน ลี (Simon Lee) ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายของประเทศไทย โบรกเกอร์รายใหญ่ที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเชีย กล่าวถึงกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมของกลุ่มลูกค้าจีน, ฮ่องกงที่เริ่มกลับเข้ามาซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2566 (1H/66) ว่า ยังคงเป็นกำลังซื้อจากลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย (Real Demand) โดยมุ่งเน้นโครงการระดับลักชัวรี่ในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ตเป็นหลัก
พร้อมกันนี้คาดการณ์ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มลูกค้าจีน, ฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 (2H/66) ว่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทจะยังคงมุ่งหาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต ให้กับลูกค้าเป็นหลัก
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/2566 ต่อเนื่องปี 2567 จึงจะพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยเฉพาะโครงการบน 5 ทำเลศักยภาพอาทิ รัชดาภิเษก, พระราม 9, สุทธิสาร, สีลม, และสาทร-ถนนตากสิน-บางหว้า รวมถึงโครงการในจังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายการเดินทางของจีน อาทิ พัทยา เข้ามาเสริม เนื่องจากคาดว่าการเดินทางระหว่างประเทศจะเริ่มสะดวกมากขึ้น
“ปัจจัยประกอบการตัดสินใจของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะค่าเดินทางซึ่งยังสูงมาก ที่สำคัญค่าใช้จ่ายในไทยสูงขึ้นมากโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทุกอย่างแพงขึ้นมาก ลูกค้าจึงหันไปสนใจโครงการในต่างจังหวัดซึ่งสามารถอยู่อาศัยได้ด้วย พวกเขามองว่าวงเงินลงทุนที่เท่ากันแต่ได้โครงการระดับลักชัวรี่ ทั้งค่าครองชีพก็ถูกกว่า ดังนั้นกลุ่มโครงการระดับราคาระหว่าง 5-7.5 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้รับความสนใจน้อยกว่า แต่ยังคงมั่นใจว่าโครงการกลุ่มนี้ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าใน ระยะกลาง-ยาว”
ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสนใจโครงการคอนโดมิเนียมทั้งโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และโครงการที่อยู่ในแผนการดำเนินโครงการของผู้ ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งมีผลงานเป็น ที่น่าเชื่อถือ อาทิ LH, SIRI, และ SPALI เป็นต้น
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น