SPALI ชูอสังหาฮอต มีแผนรับมือดอกเบี้ย

11 Jul 2022 615 0

 

          SPALI มองอสังหาเติบโตต่อครึ่งปีหลัง เรียลดีมานด์มีสูง เปิดเมืองช่วยดัน มีแผนรับมือเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยขาขึ้น ปรับขนาดบ้าน-อัดแคมเปญการเงินสินค้าพร้อมโอน เล็งเปิดตัวอีก 21 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 19,290 ล้านบาท จากครึ่งแรกปีเปิดไปแล้วกว่า 13 โครงการ มูลค่า 20,710 ล้านบาท โบรกทึ่งพรีเซลเกินคาดไตรมาส 2 และจะสูงสุดไตรมาส 3 มั่นใจทะลุเป้า

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผย ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มั่นใจว่าจะยังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มสินค้าคอนโดพร้อมเข้าอยู่ รวมถึงกำลังซื้อที่พักอาศัยเพื่อการอยู่อาศัยจริง ของบ้านแนวราบทั้งในพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล และในต่างจังหวัดยังดี ตลอดจนเห็นสัญญาณการ เปิดโครงการแนวราบโครงการใหม่จากผู้เล่นหลาย รายกระจายตัวทั่วทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมากขึ้น

          หากว่าสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลายตัวการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น ก็คาดว่าจะเป็นอีกแรงที่มาสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงปลายปีได้ไม่มากก็น้อย

          รุก 21 โครงการ 2 หมื่นล.

          ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2565 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 19,290 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ที่มีการเปิดตัวโครงการไปแล้วกว่า 13 โครงการ มูลค่า รวม 20,710 ล้านบาท แบ่งออกเป็นแนวราบ จำนวน 11 โครงการ มูลค่า 16,510 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ มูลค่าราว 4,200 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย (Inventory) อยู่ในมืออีกกว่า 23,500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นโครงการคอนโดกว่า 17,500 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการแนวราบประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเข้ามารองรับการเติบโตของยอดขายในครึ่งหลังปีนี้

          มีแผนรับเงินเฟ้อดอกเบี้ย

          ด้านสถานการณ์เงินเฟ้อและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) ต้องยอมรับว่าอาจมีผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ แต่เพื่อรับมือบริษัทก็ได้มีการปรับขนาดบ้านให้มีความเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงเพิ่มโปรโมชั่นการเงินสำหรับสินค้าพร้อมโอน โดยที่ยังคงคุณภาพและการใช้ชีวิตลูกค้าเป็นสำคัญ

          สำหรับยอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ 28,137 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถทยอยโอนและรับรู้ เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 15,910 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 29,000 ล้านบาท และมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีนี้ที่วางไว้ 28,000 ล้านบาทยังมีโอกาสสำเร็จสูง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจและมองหาโอกาสในการซื้อที่ดินแปลงใหม่อย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตามหัวเมืองหลักในจังหวัดต่างๆ ซึ่งวางงบในปีนี้ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท

          Q3 กำไรสูงสุด

          บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายได้อัพเดตสถานการณ์พรีเซล ในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2565 ของ SPALI พบว่าตัวเลขยังสูงต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/2565 ทำให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้พรีเซลจะอยู่ที่ 14.3 พันล้านบาท ซึ่งโตสูงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และมีโอกาสที่จะสูงกว่าเป้าที่ SPALI ตั้งไว้

          เฉพาะช่วง 2 เดือน เมษายน-พฤษภาคม 2565 คาดพรีเซลที่ 5.5 พันล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เกือบเทียบเท่าไตรมาส 2/2564 ที่ 5.8 พันล้านบาท ตามการเปิดโครงการใหม่ที่มีมากขึ้น และได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี

          ในขณะที่โมเมนตัมเดือนมิถุนายน 2565 คาดยังดีต่อ ทำให้มีโอกาสที่พรีเซลในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ราว 8.0 พันล้านบาท (เติบโต 38% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และลดลง -10% จากไตรมาสก่อน) ดีกว่าที่คาด

          สำหรับแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ราว 9.7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เปิดไปแล้ว ในช่วงเดือน พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้คอนโดโครงการใหม่ที่เปิดมีอัตราการจอง (Take-up Rate) ได้ราว 45% ถ้าไตรมาส 2/2565 พรีเซลเป็นไปตามที่ คาดจะทำให้ครึ่งแรกปีนี้ พรีเซล อยู่ที่ราว 16.8 พันล้านบาท และคิดเป็น 60% จากเป้าปี 2565 ที่ 28.0 พันล้านบาท ทำให้คาดมีโอกาสสูงที่จะเกินเป้า

          ส่วนต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นราว 3-4% คาด ยังบริหารจัดการได้ในช่วงสั้น-กลาง ทำให้ยังไม่กระทบ อัตรากำไรขั้นต้นให้ลดลง เนื่องจาก 1. มีการล็อกราคา วัสดุก่อสร้างบางอย่างไว้ล่วงหน้า 2. โครงการที่โอนส่วนใหญ่ในปีนี้ยังมีส่วนของ คอนโดที่มาก ซึ่งเป็นต้นทุนเก่า โดยทางฝ่ายคาดไตรมาสที่กำไรสูงสุดใน ปี 2565 น่าจะอยู่ในช่วงของไตรมาส 3/2565 อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรสุทธิ 2565 ทางฝ่ายคงที่ 6.41 พันล้านบาท ซึ่งถ้าคิดบน EPS Growth จะลดลง -14% จากฐานที่สูงมากปีก่อน แต่ประเด็นนี้ไม่เหนือความคาดหมายของตลาด แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 25.75 บาท

 

 

Reference: