LPN-SENA-PSH รับเต็ม บ้านล้านหลังกู้ได้1.5ล้าน

08 Jun 2022 348 0

           LPN-SENA-PSH รับอานิสงส์ หลังครม.ปรับเงื่อนไข “บ้านล้านหลัง เฟส 2” เพิ่มวงเงินกู้เป็น 1.5 ล้านบาท จาก 1.2 ล้านบาท เหตุมีสต๊อกโครงการระดับราคา 1.5 ล้านบาท รอขายเพียบ นักวิเคราะห์คาดกระตุ้นยอดขายเพิ่ม ขณะที่กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว คาดการณ์ผลการดำเนินงานของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งปี 2565 จะสามารถขยายตัวได้ ทั้งรายได้รวมและกำไรสุทธิ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (7 มิ.ย.65) เห็นชอบปรับเงื่อนไขโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) จากเดิมกำหนดวงเงินกู้ที่ 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

          โดย ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้มีการอนุมัติสินเชื่อบ้านในโครงการนี้ไปแล้วจำนวน 12,007 ราย วงเงินรวม 10,281.30 ล้านบาท จากกรอบวงเงินโครงการทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวจำนวน 9,718.70 ล้านบาท ธอส.จะดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อไป

          กระตุ้นยอดขาย

          นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่มีโครงการระดับราคา 1.5 ล้านบาท สูงที่สุดในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN มีสัดส่วนประมาณ 80-90% ของโครงการที่พัฒนาทั้งหมด รองลงมาคือบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA มีสัดส่วนประมาณ 12% ของโครงการที่พัฒนาทั้งหมด และ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH มีสัดส่วนประมาณ 10% ของโครงการที่พัฒนาทั้งหมด

          โดยฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” SENA ราคาเหมาะสม 5.50 บาท เนื่องจากมีสัดส่วนโครงการทั้งบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมที่หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มาก ขณะเดียวกันสามารถควบคุม - บริหารจัดการจัดการต้นทุนต่อโครงการ และการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          อย่างไรก็ตาม ธอส. ดำเนินโครงการโดยมีกรอบวงเงินโดยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แม้จะถือเป็นการขยายฐานประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น แต่เนื่องจากเปิดโอกาสให้สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ทั้งบ้านมือ 1 และบ้านมือ 2 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) จึงได้รับอานิสงส์ไม่เต็ม 100%

          รักษามาร์จิ้นได้ดี

          ขณะเดียวกันบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายจะได้รับอานิสงส์จากโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังที่ 1 ที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ที่ให้กู้ได้สูงสุด 110% ของธอส. อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากจะเป็นฐานลูกค้ากลุ่มกลาง-บนที่มีศักยภาพ มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อมากกว่ากลุ่มกลาง-ล่างอย่างมีนัยสำคัญ

          ประกอบกับการที่ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่จะกระตุ้นให้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย ตัดสินใจซื้อภายในปี 2565 นี้เพื่อรับสิทธิ์อัตราดอกเบี้ยคงที่ ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อรักษามาร์จิ้นไว้ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจึงคาดการณ์ผลการดำเนินงานของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งปี 2565 จะสามารถขยายตัวได้ทั้งรายได้รวม และกำไรสุทธิ จึงแนะนำ “ซื้อ” AP, OIR และ LH เนื่องจากสามารถปรับโปรโมชั่นให้เอื้อต่อการขายได้อย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาระดับราคาขายไว้ได้อย่างเหมาะสม

          ”โครงการที่ขายอยู่ในปัจจุบัน คือโครงการเดิมที่มีต้นทุนต่ำ แต่ผู้ประกอบการสามารถปรับโปรโมชั่นให้ราคาบ้านทรงอยู่ในระดับสูงได้ โดยเน้นการแถม และลดค่าธรรมเนียมเป็นหลักทำให้ปีนี้จะได้เห็นทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรโตอย่างมีนัยสำคัญ กลุ่มที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้เล่นรายใหญ่ที่สามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาจากผู้เล่นรายกลาง-เล็กได้อย่างดี”

Reference: