COTTOลั่นรายได้ปีนี้ลด 10-15% หลังโควิดฉุดยอดขายกระเบื้องวูบ
COTTO ปรับเป้ารายได้รวมปีนี้ลดลง 10-15% จากเดิมคาดโต 3-5% เหตุไวรัสโควิด-19 ฉุดยอดขายกระเบื้อง ส่วนรายได้ครึ่งปีหลังคาดลดลงน้อยกว่า 10% หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้รวมในปี 2563 น่าจะลดลงประมาณ 10-15% จากเป้าหมายเดิมที่คาดรายได้จะเติบโตประมาณ 3-5% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 11,291.82 ล้านบาท ตามภาพรวมตลาดกระเบื้องในปี 2563 ที่คาดจะลดลงประมาณ 10-15% จะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 28,000-32,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายที่ 4,892 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายลดลงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่มีการปิดช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือร้านโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมองว่าภาพรวมของตลาดกระเบื้องจะทยอยฟื้นตัวกลับมา หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายของผู้ประกอบการในตลาดและยอดขายของบริษัทในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงแรกของการผ่อนคลายล็อกดาวน์เริ่มกลับมา และบริษัทคาดยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะค่อย ๆ ฟื้นกลับมา หากไม่มีปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองเกิดขึ้นในประเทศ
“ตลาดกระเบื้องและยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงหดตัวน้อยกว่า 10% เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่กำลังซื้อยังคงชะลอตัวอยู่ และกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอการเปิดโครงการใหม่ ทำให้ไม่มีงานใหม่ที่เพิ่มความต้องการซื้อกระเบื้องเซรามิกเข้ามาเสริม ขณะเดียวกันการส่งออกไปขายในต่างประเทศยังมีติดขัดอยู่บ้างเพราะยังมีปิดการเดินทางเข้าประเทศ และแม้เปิดด่านชายแดนแล้วแต่ยังไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ภาพตลาดและภาพรวมของบริษัทในระยะสั้นยังไม่สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”
ด้านกลยุทธ์การขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 ยังคงเน้นช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และมีการบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายแต่ละรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิก และช่องทางออนไลน์ ซึ่งในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ ทางบริษัทจึงสามารถทำยอดขายผ่านทางออนไลน์โต 300%
“ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และมีความตระหนักถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยภายในบ้านเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสดีของบริษัทที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ในกลุ่ม Health and Clean เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทได้เร่งออกสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่ม “Health and Clean” เช่น กระเบื้อง Hygienic Tile หรือกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้อง” นายนำพล กล่าว
นายนำพล กล่าวอีกว่า บริษัทได้ขยายพอร์ตสินค้า ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาออกสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และล่าสุดได้ออกกระเบื้องรุ่น 4D+ จาก CAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่น เป็นต้น
สำหรับงบลงทุนของบริษัทยังคงไว้ที่ 350-400 ล้านบาท โดยใช้ไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือบริษัทจะนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร การบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน และการขยายสาขาใหม่ ๆ
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น