ราคาวัสดุก่อสร้างพรวด35% อสังหาเร่งกวาดตลาด 3ล้าน

02 Aug 2022 291 0

 

          LPN ส่องเทรนด์อสังหาฯครึ่งปีหลัง กับดักธุรกิจเพียบ เผยวัสดุก่อสร้าง 11 หมวดแพงยกแผง “เหล็ก-สุขภัณฑ์” ขึ้นหนักมาก 12-35% จับตาบ้าน-คอนโดฯ โซนปลอดภัยราคา 3 ล้านบวกลบ มนุษย์เงินเดือนซื้อได้ “เอพี ไทยแลนด์” แตกบ้านเดี่ยวไฟติ้งแบรนด์ MODEN 3-5 ล้าน ไตรมาส 4/65 ผุด 3 โครงการรวด มูลค่ารวม 3.5 พันล้านบาท

          ครึ่งปีหลัง-เซฟโซนต่ำ 3 ล้าน

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า จากการประเมินครึ่งปีหลัง 2565 ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว เป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 30% ของต้นทุนพัฒนาโครงการทั้งหมดต้องปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

          ในขณะที่ราคาที่ดินซึ่งคิดเป็นต้นทุนสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วน 30-35% ของภาพรวมต้นทุนทั้งหมด ถึงแม้บางทำเลมีราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ การที่กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Property Tax) มีผลบังคับใช้ รวมทั้งรัฐบาลตัดสินใจให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มจำนวน 100% ในปี 2565 (จากเดิมให้ส่วนลด 90% เจ้าของทรัพย์สินมีภาระจ่ายจริงเพียง 10% ในปี 2563-2564)

          “Property Tax ทำให้แลนด์ลอร์ดมีการปรับพฤติกรรมถือครองที่ดิน จากเดิมตั้งใจจะเก็บที่ดินไว้เพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟี้นตัวแล้วตั้งราคาขายสูง ๆ ปัจจุบันมีบางรายยอมที่จะลดราคาที่ดินลงมาให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อลดภาระจ่ายภาษีที่ดินฯ จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่ดินของดีเวลอปเปอร์ สำหรับนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต”

          นายโอภาสกล่าวว่า นอกจากนี้ เทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่ง ปีหลัง 2565 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งวิกฤตสงครามและโควิด-19 ลูกค้ามีแนวโน้มชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เพราะลูกค้าบางกลุ่มบางอาชีพยังไม่แน่ใจรายได้ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและยังเป็นที่ต้องการของตลาดจึงเป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งสามารถเจาะกำลังซื้อได้ทั้งตลาดกลางและบน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ไม่แน่ใจรายได้ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะปรับลดงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยลงมา ให้อยู่ในระดับราคาที่มีความสามารถในการจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน

          ทาวน์เฮาส์-บ้านแฝด 2-6 ล.พรึ่บ

          นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัท วิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN กล่าวว่า เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วงครึ่งปีแรก 2565 (มกราคม-มิถุนายน 2565) มีบ้านและคอนโดฯ เปิดใหม่ 163 โครงการ จำนวน 51,946 หน่วย เพิ่มขึ้น 121% มูลค่ารวม 188,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่ง ปีแรก 2564

          แบ่งเป็นการเปิดตัวคอนโดฯ 48 โครงการ 30,579 หน่วย เพิ่มขึ้น 231% มูลค่ารวม 78,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% มีอัตราการขายเฉลี่ย 33% ต่อโครงการต่อเดือน และการเปิดตัวบ้านแนวราบ 115 โครงการ 21,367 หน่วย เพิ่มขึ้น 49% มูลค่า 110,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 มีอัตราการขายเฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน

          โดยโครงการบ้านแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเป็นทาวน์เฮาส์ ราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีจำนวนหน่วยเปิดตัวและหน่วยขายได้สูงที่สุด มีอัตราการขายเฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน ทำเลที่มีการเปิดตัวสูงสุดอยู่ในย่านรังสิต-ลำลูกกา รองลงมาคือ เพชรเกษม-อ้อมน้อย และศรีนครินทร์-บางนา-สุวรรณภูมิ

          ในขณะที่บ้านแฝดราคา 3-6 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราขายเฉลี่ย 11% เปิดตัวสะสมสูงสุดในทำเลบางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมาคือ บางนา-ตราด-สุวรรณภูมิ และบ้านเดี่ยว เปิดใหม่ราคา 6-10 ล้านบาท อัตราขายเฉลี่ย 13% เปิดตัวสะสมในทำเล บางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมาคือ ประชาอุทิศ-พุทธบูชา

          ”เหล็ก-สุขภัณฑ์” ขึ้นหนักมาก

          แนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ดีเวลอปเปอร์ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อไทยแตะระดับ 7.66% ในเดือนมิถุนายน 2565 สูงที่สุดในรอบ 13 ปี ทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครึ่งปีแรก 2565 อยู่ที่ 5.61% กระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 5%

          โดยดัชนีราคาก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ณ ไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 129.8 เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 และเพิ่มขึ้น 3.9% เทียบกับไตรมาส 4/64

          ทั้งนี้ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง 11 หมวด เปรียบเทียบไตรมาส 1/65 กับไตรมาส 1/64 มีการปรับเพิ่มขึ้น ดังนี้ 1.เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้น 35% 2.สุขภัณฑ์ เพิ่ม 12.7% 3.งานวิศวกรรมโครงสร้าง เพิ่ม 12% 4.วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพิ่ม 8% 5.งานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร เพิ่ม 5%

          6.ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่ม 6.8% 7.อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่ม 6.6% 8.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 4.6% 9.งานสถาปัตยกรรม เพิ่ม 2.6% 10.งานระบบสุขาภิบาล เพิ่ม 2.2% 11.กระเบื่อง เป็นหมวดสินค้าเดียวที่ไม่มีการปรับเพิ่มขึ้น และลดลง -3.2%

          เอพีบุกไฟติ้งแบรนด์ “MODEN”

          นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในรอบ 7 ปี (2558-2564) บ้านเดี่ยวเอพีประสบความสำเร็จในการถือครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในด้านยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาด ในขณะที่ปี 2565 ถือเป็นปีที่บ้านเดี่ยวเอพีเปิดตัวใหม่มากสุด 23 โครงการ มูลค่ารวม 32,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564

          ทั้งนี้ เมื่อรวมกับบ้านเดี่ยวที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ทำให้เอพีมีบ้านเดี่ยวสะสม 50 โครงการ ครอบคลุม ราคาตั้งแต่ 3-20 ล้านบาท มีความหลากหลายทั้งโปรดักต์และเซ็กเมนต์ราคาที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

          สำหรับความท้าทายใหม่ของปีนี้คือการบุกเข้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ในกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ Market Penetration เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับองค์กรอีกครั้ง โดยการบุกตลาดใหม่ครั้งนี้จะเป็นการเข้าไปในทำเลใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีสินค้าในพอร์ตเอพี โดยพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวไฟติ้งแบรนด์ “โมเดน-MODEN”

          ”บ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาท ถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ จากการศึกษาโอกาสทางธุรกิจพบว่าจำนวนซัพพลายที่เกิดจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ยังมีไม่มาก เอพีจึงอยากใช้ความชำนาญและความเชี่ยวชาญที่เรามีสร้างโอกาสในการเติบโต และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้ลูกค้าได้เลือกชีวีตดี ๆ ที่ต้องการ ซึ่งเราเชื่อว่าการเปิดตัวแบรนด์ MODEN ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ต่างจากแบรนด์บ้านเดี่ยวเอพีอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จ”

          โดยไฟติ้งแบรนด์ “MODEN” วางแผนเปิดพรีเซลในช่วงไตรมาส 4/65 จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,550 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย Gen Z มีให้เลือก 5 แบบบ้านที่ให้ความรู้สึกใหม่ บนที่ดิน 50-54 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 163-227 ตารางเมตร โหมดราคา 3-5 ล้านบาท ได้แก่ MODEN บางนา-ศรีนครินทร์, MODEN พระราม 2 และ MODEN บางนา-เทพารักษ์

 

Reference: