คนละครึ่ง2ไปได้สวย สะพัด5.3หมื่นล้าน
“คนละครึ่ง” สะพัด! แค่ 3 วัน 1-3 ม.ค. ยอดใช้จ่ายทะลุกว่า 5.3 หมื่นล้านมีผู้ใช้สิทธิรวม 12.05 ล้านคน เผยกรุงเทพฯมีการใช้จ่ายสะสมสูงสุด รองลงมาสงขลา-ชลบุรี ในส่วนร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว กว่า 1.1 ล้านร้าน พร้อมเตือนรีบใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่ร่วมโครงการภายใน 14 วัน เพื่อรักษาสิทธิ แจงทั้ง “คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน” ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. น.ส.กุลยา ตันติเตมิทผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการ คลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิด เผยว่า ยอดการใช้จ่ายคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-3 ม.ค. 64 มีผู้ใช้สิทธิ รวมแล้วกว่า 12.05 ล้านคน รวมยอดการ ใช้จ่ายสะสม 53,431 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้ใช้สิทธิเดิมเฟสแรก 9.53 ล้านคน ใช้จ่ายสะสม 52,358 ล้านบาท และผู้ได้รับสิทธิเฟสสอง 2.51 ล้านคน ใช้จ่ายสะสม 1,073.6 ล้าน บาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 27,353.4 ล้านบาท ขณะที่ภาครัฐร่วมจ่ายอีก 26,078.5 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราชตามลำดับ ส่วนร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟสสอง ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ขอให้เร่งดำเนินการและยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยดำเนินการผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังสาขาธนาคารกรุงไทย หรือตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย และใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการภายใน 14 วัน เพื่อรักษาสิทธิให้ใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 64
ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิม หากต้องการได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” โดยจะพบข้อความเตือน “ท่านได้รับสิทธิคนละครึ่งระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถ ใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 64 และเมื่อกด ปุ่ม “ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ” จะได้รับสิทธิทันที
ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ คาดว่าที่ประชุม ครม. จะหารือเรื่องของมาตรการเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมโดยเฉพาะการขยายเวลา เช่น โครงการคนละครึ่งที่จะสิ้นสุดระยะเวลาในวันที่ 31 มี.ค. 64 และโครงการเราเที่ยว ด้วยกันที่จะสิ้นสุดอายุมาตรการ 30 เม.ย. 64 เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและการไป ใช้จ่ายจากมาตรการของรัฐ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เกิดขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกันในรัฐบาล เช่น กระทรวงการคลัง เสนอว่าบางมาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ต้องมาทบทวนอย่างเราเที่ยวด้วยกัน หรือคนละครึ่งที่เดิมกำหนดระยะเวลาไว้ว่าให้ไปใช้จ่ายในช่วงเวลาต้นปีอาจไปเร่งแบบเดิมไม่ได้ เพราะคนไปใช้ที่ตลาดที่แออัดก็มีความเสี่ยง ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอาจยังไม่เหมาะสมจะทำให้คนเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงนี้ จึงต้องเสนอให้มีการขยายระยะเวลาออกไปก่อน
ส่วนกระแสข่าวว่าผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง 15 ล้านคน ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล 3,500 บาท และผู้เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ได้รับสนับสนุนค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าอี-วอเชอร์จากรัฐบาล จะต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะตามมติ ครม. ได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการดังกล่าวโดยระบุว่าประชาชนที่ได้รับสิทธิประโยชน์เงินสนับสนุนที่ภาครัฐร่วมจ่ายตามโครงการคนละครึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ได้รับการเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เช่นกัน
Reference: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์