แบงก์ชาติผุด3มาตรการสู้บาทแข็ง

23 Nov 2020 522 0

          หวังฟื้นเศรษฐกิจ-ลดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน

          ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยบาทแข็งค่า รับอานิสงส์เลือกตั้งสหรัฐ-วัคซีนโควิด คืบหน้า ต่างชาติหอบเงินลงทุนไทย พร้อมผุด 3 มาตรการดูแลตลาดแลกเปลี่ยนต่อเนื่อง ลดความผันผวนของค่าเงิน อาทิ ให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี ไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เป็นต้น

          น.ส.วชิรา อารมณ์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัยภายนอก ทั้งผลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19

          ทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโลกมากขึ้น กลับมาลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทย ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นดังกล่าวอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง โดยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความผันผวนของค่าเงินบาท

          ทั้งนี้ ธปท. เห็นควรให้ดำเนินมาตรการเพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทย ประกอบด้วย 1.เปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี จะช่วยให้ผู้ส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวมากขึ้น ทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดต้นทุนการโอนเงินและชำระเงิน กระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศได้สะดวกขึ้น

          2.ปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพิ่มวงเงินลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนโดยตรงได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากเดิม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ สำหรับนักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งเปิดให้นำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายในไทยได้โดยไม่จำกัดวงเงิน

          3.การลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้ (Bond Pre-trade Registration) ผู้ลงทุนในตราสารหนี้ต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนก่อนการซื้อขาย ทำให้ ธปท. ระบุตัวตนและติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนได้อย่างใกล้ชิด เป็นการยกระดับการติดตามข้อมูลและเอื้อให้ธปท.ดำเนินนโยบายได้อย่างตรงจุดและทันการณ์

Reference: