อัดสิทธิประโยชน์เท่าอีอีซี

26 Jan 2021 375 0

          นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ตั้งเป้าหมายนำพื้นที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีก 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ตาก หนองคาย และมุกดาหาร ออกมาประมูล ให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนให้ได้ภายในปีนี้ โดยจะมีการปรับปรุงเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจูงใจการลงทุนมากกว่าเดิม เช่น การเพิ่มเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 50 ปี การเพิ่มสิทธิประโยชน์การลงทุนให้ทัดเทียมกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ

          ทั้งนี้รายละเอียดสิทธิประโยชน์ที่ปรับใหม่ จะมีการเพิ่มเติมกลุ่มกิจการเป้าหมายที่ให้การส่งเสริมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษหนองคายและมุกดาหาร จาก 5 กลุ่ม เป็น 13 กลุ่ม เช่นเดียวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอื่น ๆ พร้อมทั้งขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอไปอีก 3 ปี จนสิ้นสุดในปี 66 รวมถึงขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการภาษีของกรมสรรพากร ให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ

          สำหรับกลุ่มกิจการที่เพิ่มขึ้น 8 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิก 2.กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเรือน 3.กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับ 4.กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเครื่อง มือแพทย์ 5.กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร และชิ้นส่วน 6.กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 7.กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก และ 8.กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตยา ซึ่งเพิ่มจากเดิมมี 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร ประมง และกิจการที่เกี่ยวข้อง 2.กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนัง 3.กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ 4.กลุ่มนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม และ 5.กลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยว

          นายยุทธนากล่าวว่า เตรียมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำงบประมาณก่อสร้างถนน เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางไปเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดหนองคาย และมุกดาหารให้รวด เร็วขึ้น โดยหลังจากนี้จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) และ ครม. หากผ่านก็ จะเร่งเปิดประมูลโดยทันที ส่วนการเปิดประมูลพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตาก จะมีการขยายเวลาให้จาก 30 ปี เป็น 50 ปี โดยกรมตั้งเป้าหมายหากเปิดประมูลครบทั้ง 3 พื้นที่จะเก็บรายได้เข้ารัฐได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท

          นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนเปิดประมูลสิทธิการเช่า และการเร่งรัดการบริหารสัญญาในโครงการต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ การเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา การเปิดประมูลสิทธิการเช่าที่ราชพัสดุที่ไม่ได้อยู่ในความครอบครองใช้ประโยชน์ของส่วนราชการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ การเปิดประมูลทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล เพื่อผลักดันให้การจัดเก็บรายได้ปีนี้ให้ถึง 10,000 ล้านบาท

Reference: