"อนันดา" ป้อนโครงการเสิร์ฟกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
อนันดา เขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย นำแคมเปญการตลาดโครงการพร้อมอยู่พร้อมโอน กว่า 13 โครงการ ที่เป็น The Best Location ทุกทำเลทั่วกรุงเทพฯ ตอบโจทย์และตรงใจกลุ่มลูกค้าต่างชาติ พร้อมผนึกพันธมิตรขายอสังหาฯ ให้กลุ่มต่างชาติที่มองหาที่อยู่อาศัยเพื่อลงทุน และเป็นบ้านหลังที่สองในไทยในราคาที่จับต้องได้
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและจุดหมาย Long Stay ของชาวต่างชาติหลังเกษียณอายุจากทั่วโลก การเข้ามาทำงานและการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางแหล่งเศรษฐกิจ ไลฟ์สไตล์ การศึกษา การแพทย์ การคมนาคมขนส่ง และมีโครงการอสังหาฯที่คุณภาพและศักยภาพสูง โดยเฉพาะคอนโดฯ ระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรีที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้ซื้อชาวต่างชาติทั้งพักอาศัย และการลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนทางการเงินที่คุ้มค่าและได้รับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำมากมาย อสังหาริมทรัพย์ของไทยจึงเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติ ส่งผลให้สัดส่วนแนวโน้มความต้องการจากลูกค้าชาวต่างชาติเติบโต แทนที่ความต้องการจากลูกค้าภายในประเทศ
สำหรับอนันดามีจุดแข็งในฐานะผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ติดรถไฟฟ้าที่มีสินค้าพร้อมอยู่พร้อมโอนบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพ และเป็นทำเลที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนที่มูลค่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต มุ่งเน้นในการปรับสินค้าจากเพอโซน่า นำเสนอห้องรูปแบบใหม่ แต่งครบ ในภาพลักษณ์ใหม่ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวที่สุด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และการมอบบริการที่เหนือระดับในราคาที่น่าลงทุน การันตีคุณภาพการบริหารจัดการและบริการ ภายใต้ ANANDA SURE
”การบุกตลาดอินเตอร์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย อนันดาในฐานะผู้นำตลาดต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมาตลอด 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 มียอดขาย 1,677 ล้านบาท ปี 2555 มียอดขายเพิ่มเป็น 3,464 ล้านบาท หรือเติบโต 107% และปี 2566 มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 6,989 ล้านบาท หรือเติบโต 102% โดยเป็นการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเอเจนต์ต่างชาติที่เป็นพันธมิตรกว่า 200 ราย เตรียมนำเสนอแคมเปญทางการตลาด ไปโรดโชว์ทั้งในหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย พม่า สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย”
Reference: หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ
