สศช.คาดจีดีพีปี63ลบแค่6%
“อาคม” ลั่นเปิดประเทศเศรษฐกิจทะยาน
สภาพัฒน์แจงจีดีพีไตรมาส 3 ลบ 6.4% ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ลบต่ำสุด 12.1% คาดทั้งปี 63 ลบ 6% ดีขึ้นจากเดิมที่คาดลบหนักถึง 7.5% ส่วนปี 64 จะกลับมาบวกได้ 3.5-4.5% ขณะที่คลังย้ำไตรมาส 3 การใช้จ่ายประชาชนดีขึ้น ลั่นถ้าเปิดประเทศรับนักเที่ยวต่างชาติ จีพีดีทะยานแน่ ส่วนปีหน้าคาดจีดีพีโต 4%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 3/63 ลดลง 6.4% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลง 12.1% ในไตรมาส 2/63 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 6.5% จากไตรมาส 2/63 เมื่อรวมช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 เศรษฐกิจไทยลดลง 6.7% ขณะที่ทั้งปี 63 คาดเศรษฐกิจลดลง 6% เป็นการคาดการณ์อัตราติดลบลดลงจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค.63 ที่คาดทั้งปีติดลบ 7.3-7.8% หรือมีค่ากลางติดลบ 7.5% โดยส่งออกลดลง 7.5% บริโภคภาคเอกชนและการลงทุน ลดลง 0.9% และ 3.2% ตามลำดับเงินเฟ้อลบ 0.9% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.8% ของจีดีพีส่วนปี 64 คาดเศรษฐกิจขยายตัว 3.5-4.5%
“จีดีพีปี 63 ที่ติดลบลดลง ไม่ได้มีตัวใดตัวหนึ่งเป็นพระเอกแต่เกิดจากหลายๆตัวรวมกัน ทั้งการลงทุนภาครัฐ การส่งออก จากนี้ไปต้องร่วมมือกันเพราะเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอยู่ที่การลงทุนของภาครัฐที่ขยายตัว 18.5% ในไตรมาส 3 ต่อไปต้องมีการลงทุนภาคเอกชนตามมาเศรษฐกิจถึงจะขับเคลื่อนไปได้”
สำหรับไตรมาส 3 กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในประเทศกลับมาฟื้นตัว เป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และยกเลิกจำกัดการเดินทางในประเทศและผลจากมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้การใช้จ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคภาครัฐเพิ่มจาก 1.3% ในไตรมาส 2 เป็น 3.4% ในไตรมาส 3, การลงทุนภาครัฐ จาก 12.5% เป็น 18.5%, สาขาก่อสร้างจาก 7.4% เป็น 10.5% แต่การส่งออกยังติดลบ 8.2%, บริโภคภาคเอกชนลบ 0.6%, ผลิตภาคอุตสาหกรรมลบ 5.3%, สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารลบ 39.6%, สาขาขายส่ง ขายปลีก และซ่อมแซมลบ 5.5% เป็นต้น ส่วนท่องเที่ยว ทั้งจำนวนนักเที่ยวและรายรับลบ 100% เหมือนไตรมาส 2
นายดนุชา กล่าวว่า สศช.นำเสนอประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี 63 และปี 64 เช่นป้องกันการระบาดรอบ 2, ดูแลภาคเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดในการฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี, เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้ไม่น้อยกว่า 94.4% งบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า 70% งบเหลื่อมปีไม่น้อยกว่า 85% เบิกจ่ายเงินกู้ตามพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ไม่น้อยกว่า 70% เป็นต้น
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า คาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวแบบติดลบแต่ปีหน้าคาดจะเป็นบวกราว 4% ส่วนการที่สภาพัฒน์ประกาศจีดีพีไตรมาส 3 ลบน้อยกว่าไตรมาส 2 เป็นเพราะเศรษฐกิจภายในปรับตัวดีขึ้น หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้การใช้จ่ายประชาชนดีขึ้น โดยไตรมาส 3 บวก 6.3% จากไตรมาส 2 และการลงทุนภาครัฐบวก 18% ส่วนไตรมาส 4 เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจจะดีกว่าไตรมาส 3 โดยเฉพาะการใช้จ่ายประชาชน ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจไทยเหลือเพียงเครื่องชี้วัดตัวเดียวที่ยังอ่อนแอ คือ ท่องเที่ยวถ้าเปิดประเทศ มั่นใจว่า ปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่นอน สำหรับค่าเงินบาทแข็งค่า ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดเวลา และ ธปท.คงออกมาตรการช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ต้องระวังในเรื่องเงินทุนไหลเข้า คือการเก็งกำไร
Reference: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ