สตาร์มาร์ค เร่งขยายรีเทลชดเชยเปิดตัวคอนโดใหม่ลด

11 Aug 2020 667 0

          ”สตาร์มาร์ค”ชี้ โควิดฉุดอสังหาฯวูบ รายได้ครึ่งปีแรก หดตัว 20% พลิกกลยุทธ์ขยายรีเทล รุกออนไลน์ รองรับเสี่ยงหากคอนโดมิเนียมเลื่อนเปิดโครงการ

          นางสาวณัฐปภัสร์  ศรีสกุลภิญโญ กรรมการผู้จัดการบริษัทสตาร์มาร์คแมนูแฟคเชอร์ริ่งจำกัด เปิดเผย ถึงภาพรวมธุรกิจหลังจากการระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ว่าส่งผลทำให้ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวลดลงตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปิดตัว โครงการใหม่ลดลง ทำให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในของ สตาร์มาร์ค(Starmark interior) ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ปรับตัวลดลง 20%

          ”สถานการณ์โควิดส่งผลกระทบ ทำให้ภาพรวมธุรกิจลดลงไปตามภาวะเศรษฐกิจที่กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์(Developer) ลดการเปิดตัวโครงการใหม่หรือเลื่อนออกไปซึ่งสตาร์มาร์คมีรายได้จากกลุ่มคอนโดมิเนียมเป็นหลักถึง 75% จึงส่งผลทำให้ครึ่งปีแรกของปี มียอดรายได้ลดลง 20%”

          จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ สตาร์มาร์คต้องปรับกลยุทธ์เร่งเพิ่ม ช่องทางการหารายได้ในช่วง ครึ่งปีหลัง โดยการขยายตลาดค้าปลีก (Retail) มากขึ้นจากปัจจุบันมี สัดส่วนประมาณ 25% โดยการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้ารายย่อย ตกแต่งบ้านด้วยการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในโฮมโปรและบุญถาวร รวมทั้งสิ้น 5 แห่ง คือ รังสิตคลอง4,รัชดา,บางนา, ปิ่นเกล้าและเกษตรนวมินทร์ รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มลูกค้าโรงแรม โรงพยาบาลมากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงช่องทาง การหารายได้ รวมไปถึงการเพิ่ม ช่องทางออนไลน์ที่เติบโตมากขึ้น

          นอกจากนี้ ยังเพิ่มการบริการใหม่รองรับช่วงโควิดจากเดิมที่มีการบริการตกแต่งภายในครัวขยายการบริการพิเศษประกอบด้วย ตู้โชว์ ตู้เสื้อผ้า,แพ็คเกจตกแต่งคอนโด (Fit-in Package) และตกแต่งผนัง(Wall Decoration) ซึ่งเป็นการป้องกันความเสี่ยงหากดีเวลลอปเปอร์ เลื่อนการพัฒนาโครงการจะไม่ส่ง ผลกระทบต่อรายได้ในปีถัดไป

          สำหรับตลาดคอนโดสตาร์มาร์คมีสัญญาตกแต่งโครงการพร้อมรับรู้ รายได้(Backlog) ในปีที่ผ่านมา มูลค่า1,600 ล้านบาท คาดว่าจะ ส่งมอบงานได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยสตาร์มาร์คมีลูกค้าคอนโดปีละ 20,000 ยูนิต

          อย่างไรตามแม้จะปรับกลยุทธ์ธุรกิจรับมือกับวิกฤติก็ยังต้องปรับ ลดประมาณการรายได้ในปี 2563 เพราะสถานการณ์โควิดจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท ลดลง เหลือ 1,100 ล้านบาท ซึ่งยังถือว่าเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากจับตลาด บีบวกขึ้นไปและคอนโดส่วนใหญ่ 50% ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป

Reference: