วีบียอนด์ปั้น Property mall รับเทรนด์อสังหาฯ Next Normal

08 Sep 2022 335 0

         บุษกร ภู่แส

          กรุงเทพธุรกิจ

          การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี เป็นปัจจัยเร่งให้ Proptech เข้ามามีบทบาทในตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งการทำการตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และการให้บริการเข้าชมโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Virtual เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายที่อยู่อาศัย ท่ามกลางข้อจำกัดในการเข้าชมโครงการในช่วงที่การแพร่ระบาดเป็นไปอย่างรุนแรง และหลังโควิด-19 เข้าสู่ ยุค Next Normal ส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์มากขึ้นและกลายเป็น “โอกาส” เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำขึ้น

          ”วรเดช รุกขพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีบียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด เผยถึงแนวคิดในการพัฒนาการซื้อ-ขาย อสังหาฯ รูปแบบใหม่ ให้มีความน่าสนใจบนแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย อสังหาฯ อัจฉริยะ ที่เรียกว่า “Property mall” ว่า จากประสบการณ์ในการเป็นตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ ที่เข้าใจรูปแบบความต้องการของกลุ่มลูกค้าและเข้าใจตัวแทนขายอสังหาฯมาพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย โดยใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในการจับพฤติกรรมไลฟ์สไตล์และความต้องการพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งระบบจะนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ ค้นหาบุคลิก, ค้นหาตัวตน ความชอบ กิจกรรมที่ชอบทำ, ค้นหาความต้องการ และหาบ้าน-คอนโดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และรายได้ ประมวลออกมาให้ผู้เข้าใช้งาน

          ”คล้ายกับ Booking.com หรือ Agoda.com ที่ลูกค้าสามารถเข้าชมรูปภาพห้องพักและดูราคา ก่อนจะกดจองที่พักในทำเลต่างๆที่ต้องการได้ทันทีผ่านระบบออนไลน์”

          โดยช่วงแรกจะพัฒนาให้ “Property mall” เป็นรูปแบบเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่ชอบ ผ่าน Virtual 360 องศา เหมือนเข้าไปอยู่ภายในโครงการจริง พร้อมดูรีวิวอย่างละเอียดได้ทันที ทำให้เลือกดูโครงการที่ชอบได้หลายโครงการ ในเวลาไม่นาน เพื่อคัดกรองและลดระยะเวลาในการตัดสินใจ ซื้อได้เร็วขึ้น

          วรเดช ระบุว่า Property mall จะทำหน้าที่เสมือนเพื่อนคู่คิดในการค้นหาความต้องการให้ตรงกับลูกค้า พร้อมแนะนำและโปรโมชั่น ที่เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าสามารถกดจองได้ราคาพิเศษ และยังมีบริการให้คำปรึกษาจากตัวแทนขายของวีบียอนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการแนะนำบ้าน-คอนโดฯในทำเลต่างๆ

          ปัจจุบันมีกว่า 1,000 โครงการจาก 50 กว่า บริษัทชั้นนำเข้าร่วมใน Property mall ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริ, เสนาฯ อนันดา, เอสซี แอสเสท, แอสเซทไวส์, อัลติจูด ฯลฯ

          และในเฟส 2 จะพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่นคำสั่งเสียง รวมทั้งการเปิดให้นำบ้านเก่ามาแลกบ้านใหม่รองรับการขยายครอบครัว จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการ 6 ฟังก์ชั่น พื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้ง ซื้อ -ขาย, เช่า, ซ่อม สร้าง ตกแต่ง, ลงทุน ,บ้านมือสองและประมูล

          ”เราตั้งใจที่จะพัฒนา Property mall ให้เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยที่จะก้าวสู่การซื้อขายอสังหาฯ ระดับโลก เพื่อสร้างพื้นฐาน ในมิติใหม่ให้ธุรกิจอสังหาฯที่มีแนวคิดในการซื้อ-ขายที่แตกต่างและมีความโดดเด่น กว่าบริษัทอื่น และยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อยกระดับให้อาชีพนายหน้าอสังหาฯ ให้มีความทันสมัย รับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป”

          และยังเห็นว่าเป็นการเพิ่มภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็น Millennials และ GenZ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต โดยพฤติกรรมของ ผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะเชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกมีความสำคัญมากขึ้น และประหยัด ค่าใช้จ่ายได้อย่างสูงสุด ไปจนถึงกระบวนการซื้อที่อยู่อาศัย ที่จะเข้าชมที่อยู่อาศัยแบบ Virtual รวมถึงทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การกู้เงิน การประเมินมูลค่าที่อยู่อาศัย ผ่าน แพลตฟอร์ม ที่เป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมทางการเงินด้วยเช่นกัน

          วรเดช กล่าวว่า 3 ปีต่อจากนี้ขยายตลาดในต่างจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เริ่มจากจังหวัดท่องเที่ยวก่อน และตั้งเป้ามีส วนแบ่งตลาดจะมีโครงการที่เข้ารวมใน Property mallทั้งหมด 70% ของดีเวลลอปเปอร์ ทั่วประเทศ พร้อมดึงดีเวลลอปเปอร์ที่ยังไม่ เข้าร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ช่วยประหยัดค่าการตลาด คาดว่า จะสามารถมีส่วนแบ่งตลาด 5% ของตลาดบ้านมือหนึ่ง หมายความว่า มียอดขายมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากแพลตฟอร์มถือเป็น “เครื่องยนต์” สำคัญในการผลักดันยอดขายให้กับโครงอสังหาฯ ในอนาคต

          ”ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หนึ่งในบริษัทที่นำโครงการเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม Property mallกล่าวว่า ถือเป็น การเพิ่ม “โอกาส”ในการขายสินค้าอีกช่องทางหนึ่ง นอกเหนือจากการใช้เอเจนท์ เหมือนกับการที่โรงแรมมีหลายช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งนี้เนื่องจากไลฟ์สไตล์ คนเปลี่ยนมาใช้ แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวกสบายในการใช้งานและคุ้นเคยมากขึ้นหลังจากเกิดโควิด-19

          ”ส่วนการที่เลือกใช้บริการแพลตฟอร์ม Property mall ถือเป็นการทดลองนำโครงการ ยูนิคอร์น ที่มีระดับราคา 3-5 ล้านบาทมานำเสนอ เท่าที่ทราบทาง วีบียอนด์ มีฐานลูกค้าที่เป็น กลุ่มเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก โครงการดังกล่าว น่าตอบโจทย์เพราะแทนที่จะลงทุนพัฒนาแอปพลิเคชั่นเองสู้ให้คนที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะด้านทำจะดีกว่า”

Reference: