วัสดุก่อสร้าง-อสังหาฯ-สร้างบ้าน แก้ปมต้นทุน ปี 65 ปรับขึ้นราคาขายใหม่ บิ๊กคอนกรีตยัน โอมิครอน กระทบไม่มาก
อสังหาริมทรัพย์
แม้ว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตธุรกิจต่างๆ จะสามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งต่างจากปี 2563 ที่ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ห่วงโซ่ซัปพลายเชน ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตต่างๆ ต้องขาดลง ขณะที่ภาพรวมก่อนจะสินสุดในปี 2564 เพื่อก้าวเข้าสู่ ปีใหม่ปี 2565 ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก็ยังคงมีอยู่ และ เป็นปมปัญหาที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 เป็นหลัก ที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนด้านพลังงาน และวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ทยอยปรับราคาขึ้น ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ ที่แม้จะเคยขาดแคลนจำนวนมากแต่ปัจจุบันเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มเบาบางลงบ้าง อย่างไรก็ตาม เรื่องต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น กำลังก่อตัวกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยลบ ที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต้องรับมือใน ปี 2565!
ล่าสุด สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน 2564 เท่ากับ 116.0 เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2563 สูงขึ้นร้อยละ 10.4 (YoY) ซึ่งสูงขึ้นในทุกหมวดสินค้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากการ สูงขึ้นของราคาต้นทุนวัตถุดิบเป็นสำคัญ ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม ถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างของประเทศ
แต่ใช่ว่า แค่ราคาปรับขึ้นเท่านั้น ยังมีผลต่อ “อัตราเงินเฟอ”! ยิ่งเงินเฟอที่เกิดจากด้านอุปทาน (Cost-Push Inflation) ที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ ผู้ผลิตปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตาม โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตคือ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต จึงมีผลให้เงินเฟอ เพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยยังคงอยู่ระดับสูงกว่า 90% ของ GDP โดยที่การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้และต่อเนื่องปี 65 อยู่ในภาวะค่อยๆ ฟืนตัว
ศูนย์ข้อมูลฯ-พีดีเฮ้าส์ ประสานเสียง
ปี 65 ‘บ้าน’ ขยับราคาขึ้น แต่ไม่แรง!
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามการฟืนตัวของเศรษฐกิจและการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นการชั่วคราว ขณะที่ราคาบ้านในปีหน้าจะขยับขึ้น เนื่องจากต้นทุนหลายประเภท ได้ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ราคาไม่แรง เนื่องจากกังวลต่อกำลังซื้อที่ยังไม่ฟืนตัว
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทพีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ให้บริการแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน “พีดีเฮาส์” ที่มีฐานลูกค้าใหญ่อยู่ต่างจังหวัดกล่าวถึง สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตลาดปลูกสร้างบ้านปี 65 ว่าปัจจัยการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างอย่างรวดเร็วในปี64เป็นอีกปัจจัยสนับสนุน ที่เร่งให้ลูกค้าในตลาดระดับบน ตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น เพื่อหนีต้นทุน ก่อสร้างใหม่ โดยในปีที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้าง แทบทุกตัวปรับสูงขึ้นตลอดปี โดยเฉพาะราคาเหล็กโครงสร้างเหล็ก โครงหลังคาเหล็ก ซึ่งปรับตัวรวมๆ กว่า 30-50% ขณะที่กลุ่มวัสดุตกแต่งภายใน พื้น ผนัง สีประตูหน้าต่าง ก็ปรับตัวสูงขึ้นทุกตัว มีเพียงปูนซีเมนต์เท่านั้นที่ยังคงราคาเดิม
“สิ่งที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านกังวลในปีหน้า คือ ต้นทุนที่วัสดุก่อสร้างรวมที่อาจจะปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่มีปริมาณคำสั่งซื้อต่ำทำให้อำนาจการต่อรองกับซัปพลายเออร์น้อย ขณะที่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ มีอำนาจการต่อรองสูง สามารถคุยกับซัปพลายเออร์เพื่อล็อกราคาวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าไว้ได้ ทำให้ยังสามารถรักษากำไร และไม่มีปัญหาการคุมต้นทุนวัสดุก่อสร้างในอนาคต” นายสิทธิพรกล่าว
“TOA” เผย กำลังซื้อฟืนตัว
ชี้ เปิดเมือง ดีกับภาคธุรกิจ
นายจตุภัทร์ ตังคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำสีทาบ้าน ครองตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงภาพรวมตลาดสีและวัสดุ ก่อสร้างในปี 2565 เท่าที่ติดตาม กำลังซื้อเริ่มดีขึ้นบ้าง เนื่องจาก
1. สถานการณ์เรื่องของโควิด-19 เริ่ม ปรับตัวดีขึ้น และที่สำคัญ ประเทศไทยมีจุดต่างในเรื่องของวัคซีน ตรงที่มีเรื่องของการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ทำให้เราได้เปรียบและน่าจะเป็นผลดีต่อการสร้างภูมิได้
2. นโยบายการเปิดเมือง ส่งผลดีอย่างมากกับธุรกิจสีของ TOA
3. ตัวแทนจำหน่ายสีและวัสดุก่อสร้างของบริษัทฯที่มีถึง 6,000 ร้านค้า เริ่มคลายกังวล และเริ่มสั่งสำรองสินค้า (สต๊อก) ไว้รองรับการจำหน่าย จากเดิมระแวงว่าโควิด-19 จะดีขึ้นหรือไม่ดี และ 4. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าและผู้ประกอบการ ในเรื่องการดูแลเรื่องสุขภาพ ซึ่งโปรดักต์ล่าสุดที่เปิดตัวไปแล้ว ได้แก่ TOA Organic Care นวัตกรรมสีเทคโนโลยี Bio-Based สีที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ รายแรกและรายเดียวในไทย โดยวางเปายอดขายตั้งแต่เดือนธันวาคม 64 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ยอดขายประมาณ 100 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าบ้าน ซึ่งราคาจะสูงกว่าสินค้าเดิมที่ทำตลาดอยู่ประมาณ 10-15%
“จริงๆแล้ว ยอดขายปีนี้ทาง TOA น่าจะเข้าสู่ การเติบโตได้ตามเปาร้อยละ 10 แต่เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามาอีกระลอก ทำให้ตัวเลขยอดขายน่าจะเติบโตระดับร้อยละ 5 โดยในปี 63 TOA ทำยอดขายได้ประมาณ 16,200 ล้านบาท ขณะที่เปาปี 65 วางการเติบโตระดับร้อยละ 10 มั่นใจจะทำได้ แต่สิ่งที่เรากังวลก็คงเป็นเรื่องของโควิด-19 เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องอยู่กันต่อไป หนีไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการต้องมาล็อกดาวน์อีก ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ เป็นอะไรที่เราเป็นห่วง ส่งผลให้ต้นปี 65 บริษัทจะเริ่มปรับราคาขายสินค้าเป็นรอบที่ 2 หลังจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาปรับขึ้นไปแล้วร้อยละ 4 อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นครั้งใหม่ ยังไม่เพียงพอกับต้นทุนที่สูงขึ้น และเรื่องของซัปพลายเชน ที่แม้ตอนนี้จะดีกว่าต้นปีที่ผ่านมา แต่ยังเปราะบางอยู่”นายจตุภัทร์ กล่าวและว่า
สิ่งที่ตนอยากเห็นในเรื่องการส่งเสริมภาพของเมืองว่า “เราอยากเห็นคนลุกขึ้นมาปรับปรุงบ้าน เช่น คุณย้อนกลับไปดู บ้านบางแห่ง บางโครงการจัดสรรมีอายุมาเกือบ 40 ปี ก็น่าจะปรับปรุงได้ ส่วนการออกโปรดักต์เรื่องรักษ์โลกนั้น เป็นเพียงแค่ Subset เท่านั้น”
3 บิ๊กคอนกรีต มองปี 65 อสังหาฯ ฟื้น
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP ผู้ผลิต/จำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและคอนกรีตสำเร็จ ประเมินว่า อุตสาหกรรมอสังหาฯและวัสดุก่อสร้าง ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พร้อมเข้าสู่การฟืนตัว หลังกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมมากขึ้น ลดความรุนแรงการระบาดได้
“อุตฯวัสดุก่อสร้างปัจจุบัน ซัปพลายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบการหายไปมากจากผลกระทบก่อนหน้านี้ สวนทางกับดีมานด์ที่เริ่มฟืนตัว ซึ่งคาดว่าความต้องการวัสดุก่อสร้าง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนให้ดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ ผู้ประกอบการเร่งส่งมอบงานให้เป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้” นายอาทิตย์ กล่าวให้เห็นสัญญาณของราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างที่จะปรับขึ้น
ขณะที่ นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป รวมถึงส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป มองว่า อุตสาหกรรมอสังหาฯ ปี 65 จะเติบโตราว 10% ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณฟืนตัวตั้งแต่ปี 64 ที่ดีขึ้นระดับ 10-15% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนหลัก คือ การเติบโตในต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพราะประชาชนกลับภูมิลำเนามากขึ้นจากการ ล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ขณะที่มองว่าหลังจากที่เริ่มมี การเปิดประเทศจะทำให้แรงงานกลับมา กิจกรรมต่างๆภาคอสังหาฯ ในเมืองจะเริ่มฟืนตัวได้อีกครั้ง
ส่วนนายรังสี ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิต/จำหน่ายคอนกรีตมวลเบาระบบอบ ไอน้ำภายใต้ความดันสูง เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและ งานกั้นผนังภายในอาคาร ระบุว่า ความต้องการใช้อิฐมวลเบายังคงทรงตัว เพราะผู้ประกอบการอสังหาฯอยู่ในช่วงการประเมินสถานการณ์ ทั้งการควบคุมโรคระบาดและการฟืนตัวเศรษฐกิจ แต่อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น การ ผ่อนปรน LTV และการเปิดประเทศ
ประสานเสียง “โอมิครอน” กระทบไม่มาก เชื่อไม่ล็อกดาวน์!
นายชาคริต (CPANEL) กล่าวถึงสถานการณ์ โควิด-19 หลังจากที่เริ่มมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ว่า ไม่น่ากังวลมากนัก แม้จะติดต่อง่ายขึ้นแต่ความรุนแรงลดลง สอดคล้องกับการกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้น โอกาสที่จะส่ง ผลกระทบระดับล็อกดาวน์แบบที่ผ่านมาคงไม่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกับมุมมองของนายอาทิตย์ (CCP) ที่ระบุว่า “โอมิครอน” คงไม่กระทบจนต้องล็อกดาวน์เหมือนที่ผ่านมา เพราะแม้จะติดต่อง่าย แต่อาการไม่รุนแรงมาก และภาครัฐมีประสบการณ์ควบคุมโรคมาพอสมควรแล้ว ซึ่งน่าจะจัดการได้ดีหากมีการระบาด ที่มีนัยสำคัญอีกรอบ
นายรังสี (SMART) มองว่า “โอมิครอน” ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ไม่น่ากังวลมากนัก เพราะปัจจุบันการกระจายวัคซีนครอบคลุมประชากรมากขึ้น ขณะที่ประชาชนก็มีความรู้ความเข้าใจในการระมัดระวังและปองกันตัวเองอย่างรัดกุม ซึ่งมองว่าโอกาสเกิดการระบาดรุนแรงจนต้องล็อกดาวน์เหมือนก่อนหน้านี้คงลดลง หรือหากมีการระบาดคงควบคุมเฉพาะพื้นที่มากกว่า การปิดทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้การระบาดของไวรัสจะส่งผล ต่อความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับ ผลกระทบบ้าง แต่มีการปรับตัวและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาอัตรากำไรไม่ให้ลดลง
เร่งรัฐเปิดประเทศ
“รับแรงงาน”
นายอาทิตย์ (CCP) กล่าวถึงปริมาณงานภาครัฐว่า น่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ งานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้าง ตามปกติ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบิน โครงการท่าเรือ โครงการมอเตอร์เวย์ งานถนนเป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งที่อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญ คือ นโยบายการจัดการเปิดให้แรงงานกลับมาโดยเร็ว เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ ยังช่วยเรื่องกำลังซื้อด้านการบริโภคด้วย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี65 ทางบริษัทฯเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในสินค้าคอนกรีตบางผลิตภัณฑ์ ที่มีศักยภาพ และโครงสร้างงานระบบท่อ ซึ่งปัจจุบัน คอนกรีตพรีคาสต์ได้รับความนิยม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันเริ่มมีการส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น โดยบริษัทยังคงรักษาระดับ Backlog ไว้ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ รายได้จะเติบโตได้ตามเปาที่ 10%
หนุนต่างชาติซื้อบ้าน กระตุ้นอสังหาฯ
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม (CPANEL) กล่าวถึงนโยบายของภาครัฐต่อการฟืนฟูเศรษฐกิจภายในประเทศว่า หลายนโยบายมีทิศทางที่ส่งเสริมต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ เช่น การสนับสนุนต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้ หรือการผ่อนปรนมาตรการ LVT ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งสิ้น โดยสิ่งที่ควรสนับสนุน คือ การพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ ซึ่งมีองค์กรหรือหน่วยงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง เช่น ล่าสุดสามารถคิดค้นวัคซีน mRNA ของตนเองได้แล้ว แต่มักติดขัดเรื่องการอนุมัติหรือการอนุญาตใช้ และเน้นการซื้อมากกว่า
ธุรกิจผู้ผลิตคอนกรีต เร่งเครื่องลงทุน รับ ศก.ปีใหม่ พลิกอับ!
นายชาคริต (CPANEL) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจปี 65 คาดว่าจะดีต่อเนื่องจากปี64 (งบการเงินรวมงวด 9 เดือนปี 64 มีรายได้รวม 220 ล้านบาท) ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปี 63 (ปี 63 มีรายได้รวม 221.16 ล้านบาท )หลังมีการเปิดประเทศ และได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV, การอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านในประเทศไทยได้ ทำให้ความต้องซื้อที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขาดแคลนแรงงาน ยังทำให้ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) มีความต้องการเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ณ 16 พ.ย.64 บริษัทมีมูลค่างานตาม สัญญา(Backlog) จากสัญญาที่ลงนามเรียบร้อยแล้วประมาณ 1,192.53 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ตามคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 186.79 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ต่อเนื่องในปี 65-66 นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า รายใหม่ และกลุ่มลูกค้าพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะทยอยได้ข้อสรุปช่วงต้นปี 65
นายรังสี (SMART) คาดว่าทิศทางธุรกิจปี 65 จะเติบโตจากปี 64 ไม่ต่ำกว่า 5% โดยปรับเพิ่มส่วนการขายงานโครงการเอกชนมากขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตบล็อกผนังตกแต่ง เนื่องจากปีนี้มี ยอดขายเติบโตมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
“ผู้ประกอบการรายใหญ่ มีอานาจการต่อรองสูง สามารถคุยกับซัปพลายเออร์เพื่อล็อกราคาวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าได้” สิทธิพร สุวรรณสุต
”ต้นปี 65 บริษัทจะเริ่มปรับราคาขายสินค้าเป็นรอบที่ 2 หลังจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปรับขึ้นไปแล้วร้อยละ 4” จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ
”อุตฯวัสดุก่อสร้างปัจจุบันซัปพลายลดลงอย่างมีนัยสาคัญ ผู้ประกอบการหายไปมากจากผลกระทบก่อนหน้านี้” อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา