บ้านใหม่ดัมพ์ราคาทุบตลาดบ้านมือสองดิ้นหนีเจาะเศรษฐี-ต่างชาติ
โควิด-19 พ่นพิษบ้านใหม่ดัมพ์ราคา สะบัดทุบตลาดบ้านมือสอง โปรเกอร์ฉีกตลาด เจาะลูกค้าระดับบนต่างชาติ เผยคนแห่ขาย ร้อนเงิน ตกงาน-ลดเงินเดือน -ธุรกิจปิดกิจการ
สถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ค่ายใหญ่ในตลาดนำสินค้าใหม่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ จัดแคมเปญ ดัมพ์ราคาขายสูงสุด 50-70% อยู่ฟรีนานสุด 3 ปี ดึงกำลังซื้อเพื่อระบายสต๊อก ส่งผลกระทบตลาดบ้านมือสอง ที่เดิมในช่วงภาวะปกติ ราคาขายต่ำกว่าบ้านใหม่ เฉลี่ย 20-30% ซึ่งเวลานี้ราคาขายสำหรับบ้านใหม่กับบ้านมือสอง อาจลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ส่งผลให้การทำตลาดของธุรกิจบ้านมืองสอง ที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เฉลี่ยต่อปี 3 แสนล้านบาท ทั่วประเทศต้องได้รับผลกระทบเพราะ ผู้ซื้อต่างมุ่งไปให้ความสนใจโครงการใหม่
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของบ้านมือสอง มีข้อดี เรื่องทำเล และทรัพย์ที่บอกขาย ส่วนใหญ่สภาพยังใหม่ เจ้าของอยู่อาศัยไม่นานหรือถือครองไว้หลายหลัง พอถึงช่วงโควิด วิกฤติเศรษฐกิจ ตกงาน ธุรกิจไม่เดินต่อ คนกลุ่มนี้ต่างนำบ้านออกขายกลายเป็นบ้านมือสอง บางรายร้อนเงินยอมตัดเนื้อรักษาชีวิต ถึงขั้นดัมพ์ราคาลงกว่า 50% และเมื่อเทียบทำเลหากโครงการบ้านใหม่ กับบ้านมือสองอยู่บริเวณเดียวกัน แต่ราคาขายสามารถเจรจาต่อรองกันได้อีก เชื่อว่าตลาดนี้ยังไปได้ โดยเฉพาะ ตลาดระดับบน
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็ม โปรเกอร์ จำกัด และ บริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้เปิดบริษัทใหม่ เพื่อเป็นตัวกลางขายบ้านมือสอง เนื่องจากพบว่าแม้ตลาดนี้จะเป็นช่วงขาลง แต่สำหรับคนมีเงินเศรษฐีเงินเย็นต่างชาติที่ชื่นชอบการสะสม อสังหาริมทรัพย์ ยังมีติดต่อเข้ามา ขณะผู้ประกอบการบ้านใหม่เร่งระบายสต๊อกพร้อมอยู่ ออกมาชนกับบ้านมือสอง แต่เชื่อว่าผู้ซื้อจะเลือกที่ศักยภาพของทำเล การเดินทางสะดวก อย่างโซนลาดพร้าวเป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่ โครงการบ้านกลางเมือง ขายใหม่ราคา 15 ล้าน แต่ บ้านมือสองทำเลติดกันขนาดพื้นที่เท่ากันขายราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท เช่นเดียวกับ บ้านเดี่ยว ค่ายแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โครงการใหม่ขาย หน่วยละ 8 ล้านบาท แต่บ้านมือสองใกล้กันขายในราคา 4-5 ล้านบาท และหากร้อนเงินอาจลงมาถึง 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มพบลูกค้าขายลดราคา 50% ก็มี เช่นเดียวกับ ธนาคารต่างนำทรัพย์ออกขาย อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการแข่งขันรุนแรงเพราะถนนทุกสาย มุ่งแต่นำสินค้าออกขายท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ เพื่อรักษาสภาพคล่อง ขณะกลุ่มผู้ซื้อค่อนข้างเปราะบาง
สำหรับทางออกบริษัท เน้น ขาย บ้าน-คอนโดมิเนียมระดับบน ทั้ง ใจกลางเมือง หัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ รองรับลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน ที่ต้องการมีบ้านหลังที่สองอยู่อาศัย หรือพักผ่อนระยะยาวในเมืองไทย หลังโควิด-19 อ่อนตัวลง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้อสังหาฯใน ประเทศไทยจะได้รับความนิยมอย่างมาก จากการสาธารณสุขดี นายวสันต์ย้ำว่า เดือนสิงหาคมนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะเข้าไทย และจะมาพร้อมกับการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งคนกลุ่มนี้ เลือกทรัพย์ราคาระดับ 5-10 ล้านบาทขึ้นไป ขนาดห้องใหญ่ ทำเลดี ราคาก็ไม่ต้องต่อรองกันอีก
สอดคล้องกับ นายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ERA ระบุว่า ยอมรับว่า ตลาดบ้านใหม่ ระบายสต๊อกบ้านพร้อมอยู่ ออกมาชนกับบ้านมือสอง และราคาขายใกล้เคียงกันไม่ต่างจากในอดีตที่ยังมีช่องว่างของราคา
อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านระดับบน ยังขายได้ สำหรับคนมี นักธุรกิจ และมักมีทรัพย์รายใหญ่มูลค่าสูงเข้ามา ให้บริษัทขายช่วงนี้ประมาณ 10 รายการ แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อต่างหวาดกลัว อย่างบ้านราคา 100 ล้านบาท ทำลพระราม 5 ซึ่งราคานี้ยังสามารถต่อรองได้เหลือ 80 ล้านบาท บ้าน ทำเลมีนบุรี มูลค่า 60 ล้านบาท ส่วนบ้านอีกหลังอยู่จังหวัดนนทบุรีทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ราคาไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท
สำหรับบ้านมือสอง มีทั้งคอนโดมิเนียม ห้องขนาดเล็ก ราคาไม่แพง ไปจนถึงบ้านระดับบน ซึ่งแต่ละวันจะมีทรัพย์หมุนเวียนเข้าสู่ระบบบ้านมือสองจำนวนมาก แม้โอนกรรมสิทธิ์เข้าอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน หรือ ยังไม่ทันเข้าอยู่แต่เกิดเปลี่ยนใจ ต้องการขาย ก็ถือว่าเป็นบ้านมือสอง แม้สภาพใหม่เทียบเท่ากับบ้านมือหนึ่ง ก็ตาม แต่ราคาย่อมต้องปรับลดลงเล็กน้อย สาเหตุที่มีบ้านนับล้านหลังเข้าสู่ระบบ ซื้อมาขายไป เพราะ1.ซื้อที่อยู่ใหม่ใกล้ที่ทำงาน 2.ย้ายกลับต่างจังหวัด 3.ไปอยู่ต่างประเทศ 4.ไม่พึงพอใจบ้านที่ซื้อมา 4.เพื่อนบ้าน 5.สภาพบ้านของจริงไม่ตรงกับบ้านตัวอย่าง 6.ทำเลไม่ดี 7.สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป 8 .ครอบครัวขยาย 9. ร้อนเงิน ตกงาน
Reference: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ