ทอสเท็ม ขยายฐานลูกค้าแนวราบทุ่ม20ล.ผุดโชว์รูมใหม่เจาะEND USER

18 Sep 2020 970 0

        “ทอสเท็ม” ปรับแผนธุรกิจรุกขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่ม End user ทุ่มงบ 20 ล้านบาท เปิดตัว “TOSTEM Flagship Showroom” ชูนวัตกรรม Total Housing Solution ครบวงจรเจาะตลาดบ้านแนวราบเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลุ่ม End user หวังดันยอดขายครึ่งปีหลัง คาด 1-2 ปีสัดส่วนรายได้กลุ่ม End user ขยับเพิ่ม 20%

          นายวิชา วรสายัณห์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจ Total Houseing Solution  กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ยอดขายรวมของทอสเท็ม แบรนด์ผลิตภัณฑ์ประตู หน้าต่างอะลูมิเนียมในเครือ ลิกซิล ขยายตัว 15% ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกปี 63 เม.ย.-ส.ค.) ยอดขายเติบโตตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงไปบ้าง แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลัก เป็น กลุ่มลูกค้าในตลาดระดับบน มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มตลาดเดียวที่ยังขยายตัวได้ดี ทำให้ยอดขายของ ทอสเท็ม ยังขยายตัวได้ตาม เป้าหมาย

          ประกอบกับการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯชะลอตัว โดย ทอสเท็ม ได้ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็น กลุ่มตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง หลังได้รับปัจจัยบวกจากกระแส Work From Home หรือ การทำงานจากที่บ้าน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคที่ทำงานจากบ้านมีเวลาใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มNew Normal ที่มีความต้องการขนาดพื้นที่ในการอยู่อาศัย เพื่อรองรับกับความต้องการในการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปตามไลฟสไตล์ลูกค้า

          ”การเปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้านของผู้บริโภคทำให้เกิดความต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดบ้านแนวราบยังมีการขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับบน แนวโน้มดังกล่าวสอดรับกับกลยุทธ์การขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้บริโภคของ ทอสเท็ม ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยอดขายของ ทอสเท็ม จะยังขยายตัวได้ดี”



          ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้อง การของกลุ่มผู้บริโภคและการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งกลุ่มบ้านใหม่และกลุ่มปรับปรุงที่อยู่อาศัย ทอสเท็ม ได้ใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการสร้าง ทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูม (TOSTEM Flagship Show room) แห่งใหม่ บนพื้นที่ 425 ตารางเมตร (ตร.ม.) ในคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ชูภายใต้แนวคิด Total Housing Solution แบบครบวงจร เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาสัมผัสกับสินค้าและฟังก์ชันการใช้งานที่แท้จริงของสินค้าซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

          นอกจากนี้ ทอสเท็ม ได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อรุกตลาดกลุ่มเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย แทนการออกบูทแสดงสินค้าในงานนิทรรศการและแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านซึ่งถูกเลื่อนออกไป ด้วยการเปิดตัวทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูมอย่าง เป็นทางการ จะช่วยให้ทอสเท็ม สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น เจ้าของบ้าน สถาปนิก มัณฑนากร ผู้บริหารโครงการอสังหาฯ นักเรียน นักศึกษาสาขาวิชาด้านการออกแบบ และผู้แทนจำหน่ายของ ทอสเท็ม

          ”สาเหตุที่เราเลือกทำเลของคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ในการเปิดแฟลกชิปโชว์รูม เพราะเป็นจุดที่มีความโดดเด่นในการเป็น OneStop Location สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในการสรรหาและซื้อผลิตภัณฑ์ หรือรับบริการด้านการตกแต่งที่ครบวงจร”

          ขณะเดียวกัน ทอสเท็ม ได้ทำการตลาดทั้งช่องทางออฟไลน์และดิจิทัลออนไลน์ให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ เช่น การประเมินราคาทาง Line Official Account การปรับโฉมเว็บไซต์หลักให้มีฟังก์ชัน Online Quotation ที่ช่วยให้ลูกค้าใช้งานระบบได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเล็งเห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความพิถีพิถันในการเลือกสินค้ามากยิ่งขึ้น

          นายวิชา กล่าวว่า ปัจจุบันทอสเท็ม มีโชว์รูมและเดโม่รูมอยู่ในกรุงเทพฯ และตามหัวเมือง ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูม ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, ทอสเท็มโชว์รูม ใน บุญถาวร สาขาราชพฤกษ์, ทอสเท็ม เดโม่รูมในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต และยังมีแผนจะขยายโชว์รูมในหัวเมืองใหญ่เพื่อให้ครบคลุมกลุ่มลูกค้ามาที่สุด

          สำหรับการขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรงนี้จะช่วยผลักดันให้ยอดขายของ ทอสเท็ม เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสัดส่วนรายได้ในกลุ่มลูกค้า End user จะทยอยเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบัน ทอสเท็ม มีสัดส่วนรายได้จากการขายผ่านโครงการโดยตรงอยู่ที่ 80-90% และมีรายได้จากกลุ่มลูกค้า End user ประมาณ 10% คาดว่าในระยะ 1-2 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้า End user จะเพิ่มขึ้นเป็น 20% และเพิ่มเป็น 30-40% ในช่วง 5-10 ปีจากนี้

Reference: