ตลาดบ้านหรูภูเก็ตสุดฮอต
อสังหาริมทรัพย์
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มีทิศทางอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ และคาดหวังไว้ เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยลบจากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน จนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า และค่าครองชีพผู้คนทั่วโลก ทำให้ปัญหาเงินเฟอทั่วโลกทะยานสูงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย นอกจากนี้ทิศทางการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ยังส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ลดลง ขณะที่ราคาบ้านและที่อยู่อาศัยก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในหลายๆ ประเทศจะประสบปัญหาเงินเฟ้อ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ถูกประเมินว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี เนื่องจากมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีและที่สำคัญหนึ่งในเครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อย่างการท่องเที่ยวมีการฟืนตัวและขยายตัวสูงมากหลังจากผ่านพ้นภาวะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดท่องเที่ยว และตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หาดใหญ่ หัวหิน
แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมอสังหาฯ ภูเก็ตตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงช่วงต้นปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา กลับมาชัดเจน ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม ที่อยู่อาศัย ทำให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น โดยที่น่าสนใจ คือ กลุ่มต่างชาติที่เป็น ผู้ซื้อหลักในขณะนี้ คือ ชาวรัสเซีย ซึ่งมีสัดส่วนถึงกว่า 80% หลังจากเกิดภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งทำให้มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาพักอาศัยในภูเก็ต และมีการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อหนีภัยสงคราม และซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ในประเทศไทยโดยกลุ่มที่อยู่อาศัยเป้าหมายของนักท่องเที่ยวรัสเซียจะครอบคลุมทุกกลุ่มบ้าน และที่อยู่อาศัยในระดับ ราคา 6-100 ล้านบาท
ทิศทางดังกล่าวทำให้สถานการณ์การลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภูเก็ตในปี 2566 ขยายตัวในกลุ่มตลาดบ้านหรูระดับบน โดยเฉพาะโครงการประเภทพูลวิลลา ซึ่งพบว่ามีการลงทุนโครงการใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งจากผู้ประกอบการท้องถิ่นและบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ ซึ่งมีการพัฒนาโครงการระดับราคาตั้งแต่ 7-30 ล้านบาท โดยพบว่าตั้งแต่ ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด ยอดขายพูลวิลลาเติบโตได้ดีมาก โดยทำเลที่ขยายดีและเป็นโซนยอดนิยม คือ โซนลากูน่า, หาดบางเทา, หาดลายัน โซนที่นิยมรองลงมาคือ ราไวย์ และในหาน ซึ่งการเกิดสถานการณ์โควิดทำให้ราคาที่ดินพุ่งไม่มากนักเพียงประมาณ 20% โดยราคาที่ดินสูงสุดอยู่ที่ป่าตอง ขายที่ประมาณ 200 ล้านบาทต่อไร่
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอล ลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด ระบุว่าปัจจุบัน มูลค่าสะสม ของอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ขณะนี้เดียวกันจังหวัดภูเก็ต ได้กลายเป็นที่หมายตาของชาวต่างชาติอย่างมาก ทั้งกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัย และลงทุน ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวสูงมาก โดยเฉพาะหลังจากดีมานด์จากชาวต่างชาติเข้ามาสู่ตลาดภูเก็ต และทำให้ตลาดฟืนตัวแรงมากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจพบว่ามีโครงการเปิดใหม่มากสุดรอบ 15 ปี
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากความคึกคักของจำนวนนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตเป็นจำนวนมาก โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากกว่า 6 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดียจีน และคาซัคสถานนั้น ทำให้ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ในทุกพื้นที่คึกคักอย่างมาก
โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการของ ผู้พัฒนาที่ดินรายใหญ่ เช่น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชสน), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) และเจ้าถิ่น โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต ทำให้มีโครงการเปิดขายใหม่ ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดฯ และบ้านพักตากอากาศมากที่สุดในรอบ 15 ปี ด้วยมูลค่าลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นคอนโดฯเปิดใหม่ 15 โครงการ 6,831 ยูนิต มูลค่าลงทุน 37,880 ล้านบาท ขณะที่พักตากอากาศในภูเก็ต พบเปิดขายใหม่รวม 37 โครงการ จำนวน 589 หลังมูลค่าลงทุน 53,230 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา “บ้านพักตากอากาศ” ในเมืองไทยค่อนข้างได้รับความสนใจจากกลุ่มเศรษฐีทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลจังหวัดภูเก็ต เป็นตลาดที่ได้รับความสนใจซื้อสำหรับ กลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะชาวรัสเซียโดยบ้านพักตากอาศในปีนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านเชิง ทะเล ตามแนวชายหาดเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ย่านหาดบางเทาหาดสุรินทร์ หาดลายัน และเชิงทะเล ซึ่งอยู่ในอำเภอถลาง รองลงมาคือ อำเภอเมืองภูเก็ต บริเวณ อ่าวฉลอง หาดราไวย์ และอำเภอกะทู้ หาดกมลา และป่าตอง”
รายใหญ่อสังหาฯ โหมตลาดหรู
นายภัทรชัย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในอนาคต คาดการณ์ว่าทำเลที่ผู้พัฒนาจะสามารถพัฒนาบ้านพักตากอากาศ ขายได้ในระดับราคา 25-50 ล้านบาทได้นั้น อาจต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างจากชายหาดมากขึ้น เพราะต้นทุนราคาที่ดินไม่สูง และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย เนื่องจากในปัจจุบันที่ดินริมทะเลหายากและมีราคาขายสูงมาก บวกกับการปรับตัวของราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตแบบก้าวกระโดด
โดยโครงการที่น่าจับตามองในช่วงปลายปี 2566 คือ โครงการ วิลลาระดับอัลตราลักชัวรี ในพื้นที่ย่านกมลา ซึ่งมีราคาขายเริ่มต้น 600 ล้านบาท และมีราคาแพงที่สุดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท บนที่ดินรวม 23 ไร่ ของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านพักตากอากาศ ของกลุ่ม ฮาบิแทท กรุ๊ป ที่รอการเปิดตัวอีกมากกว่า 1,200 หน่วย ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท
ขณะที่ “โบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป อสังหาฯเจ้าถิ่น ได้มีการร่วมทุน กับพาร์ทเนอร์ พัฒนาโครงการวิลล่าอย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการ มอนท์เอซัวร์ (MontAzure) โครงการ Soken Development และล่าสุด ได้ร่วมทุนกับ บริษัทแอสเซทไวส์จำกัด (มหาชน) (ASW) เพื่อพัฒนาโครงการพูลวิลลาระดับลักชัวรี และมิกซ์ยูสจำนวนกว่า 400 ยูนิต บนขนาดที่ดิน กว่า 178 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 13,000 ล้านบาท ในโครงการ “Botanica Grand Avenue”
โดยนายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต กล่าวว่าภาพรวมตลาดวิลลาหรูในภูเก็ตมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั่วโลกที่มองภูเก็ตเป็นเดสติเนชันของการพักผ่อนในระยะยาว และเป็นเมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาเกษียณมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียจีน อเมริกา อิตาลี อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย อินเดีย ไอร์แลนด์ที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สองเพื่อการพักผ่อนและซื้อเพื่อลงทุนและความต้องการวิลลาหรูจากชาวไทยกำลังซื้อสูงในกรุงเทพฯ ที่เดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และคาดว่าความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า ส่งผลให้มีผู้ประกอบการทั้งจากท้องถิ่นและกรุงเทพฯต่างเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเพื่อรองรับกับแนวโน้มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูงถึง 53,230 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ได้ต่อยอดความสำเร็จพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ”ออริจิ้น รีสอร์ท เวิลด์ ภูเก็ต บางเทา บีช” โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนหาดบางเทา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The one and only precious mixed use beach front community” บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ประกอบด้วย 6 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมหรู สูง 8 ชั้น โซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach), ลักชูรี่ วิลล่า, โฮเทล วิลล่า, บีช คลับ, เรสซิเด้นท์ และโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกเซกเมนต์ และรับตลาดท่องเที่ยวโตอย่างต่อเนื่อง
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI กล่าวว่า ภูเก็ต ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวและผู้คนจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจเดินทางเข้ามาภาครัฐ อาทิ โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3, แผนการสร้างรถไฟรางเบา LRT, ศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในอนาคตทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เพื่ออยู่อาศัย และเพื่อลงทุน เติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทในฐานะผู้พัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ระดับประเทศและถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ จากส่วนกลางที่เข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง จึงขอเดินหน้าร่วมสร้างเมืองใหม่ให้กับภูเก็ต ผ่านโครงการ ออริจิ้น รีสอร์ท เวิลด์ภูเก็ต บางเทา บีช โดยเจาะกลุ่มผู้ที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เพื่อลงทุน และเพื่ออยู่อาศัย ได้ร่วมเป็นเจ้าของ
นายกฤษณ์ เตชะสัมมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด กล่าวว่า จากแผนการเติบโต Origin Infinity ของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่มุ่งมั่นขยายอาณาจักรทุกประเภทธุรกิจไปตามหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ ออริจิ้น เนชั่นวายด์ ได้รับภารกิจสำคัญในการเป็นหัวเรือใหญ่ในการบุกเบิกตลาดภูเก็ต บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โซ ออริจิ้น บางเทา บีช มูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท ขึ้นเป็นโครงการแรก
ทั้งนี้ โซ ออริจิ้น บางเทา บีช ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการไฮไลต์ของ “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิลด์ ภูเก็ต บางเทา บีช” เพราะตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่าง หาดบางเทา ซึ่งเป็นหาดที่ได้ ชื่อว่าพระอาทิตย์ตกสวยที่สุด เป็นแหล่งพักผ่อนขึ้นชื่อที่ รายล้อมไปด้วย บีช ฟรอนต์ หาดทรายสวยน้ำทะเลใส และยังเป็นฮับที่ชาวต่างชาติเลือกเป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับพักอาศัยระยะยาว ห่างสนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 18 กม.ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเก่าของภูเก็ตเพียง 30 นาที ถือเป็นทำเลศูนย์กลางในการเดินทาง เพื่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ของภูเก็ตได้อย่างสะดวก
โดยโครงการ “โซ ออริจิน บางเทา บีช” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 545 ยูนิต และ 1 คลับเฮาส์ ขนาดห้องชุดเริ่มต้นที่ 26 ตร.ม. 32 ตร.ม. และ 50 ตร.ม.อยู่ห่างหาดบางเทาเพียง 5 นาที รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สถานศึกษา ชื่อดัง HeadStart International School, Bangkok hospital clinic bangtao รวมถึงแหล่งกิจกรรมต่างๆ ทั้ง Porto de Phuket, Boat Avenue Phuket, สวนน้ำ Blue Tree Phuket และสนามกอล์ฟ Laguna Golf club เหมาะสำหรับการ พักผ่อน และท่องเที่ยว ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนอยู่อาศัยอยู่เอง หรือนักลงทุนที่อยากเริ่มต้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเมืองที่เติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุน ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
“เชื่อว่าโครงการโซ ออริจิ้น บางเทา บีช จะได้รับการ ตอบรับที่ดีเหมือนเช่น 2 โครงการที่ผ่านมา เนื่องจากตั้งอยู่ ในทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัย และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งทางบริษัทมีบริการ IP ซึ่งเป็นโปรแกรมการ ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องถึง 10 ปี สำหรับกลุ่มนัก ลงทุน และบริการเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ โดยคาดว่าจะเริ่ม ดำเนินการก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2567 แล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2568” นายกฤษณ์ กล่าว
การขยายตัวของดีมานด์ลูกค้าต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต ท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันสะท้อนภาพตลาดอสังหาฯภูเก็ตได้เป็นอย่างดีว่า แม้ภาวะและสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ฟืนตัวได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผล กระทบต่อตลาดวิลลาหรู และคอนโดฯในภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นคนไทยกำลังซื้อสูงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และกลุ่มชาวต่างชาติที่มองหาบ้านหลังที่สองในประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุในประเทศไทยด้วย.
Reference: ผู้จัดการรายวัน360องศา