ซื้อบ้านไม่ต้องดาวน์หนุนตลาดอสังหาฯโค้งท้ายปี3หมื่นล้าน

28 Oct 2021 489 0

          แบงก์ชี้ ธปท.ผ่อนเกณฑ์ LTV เปิดทางผู้มีรายได้ระดับน้อยกลางมีบ้านเป็นของตัวเองเร็วขึ้น ไม่ต้องวางเงินดาวน์ แถมยังได้กลุ่มบ้านหลังที่ 2 และ 3 เพิ่มจากบ้านหลังแรก คาด 2 เดือนส่งท้ายปี 64 จะมีสินเชื่อส่วนเพิ่ม ราว 3 หมื่นล้านบาท ตลาดจะฟื้นจริงไตรมาส 2 ปี 65

          หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรวมสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2564-31 ธันวาคม 2565 โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ปล่อยสินเชื่อได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน สำหรับที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา จากเดิมจำกัดให้กู้ ตั้งแต่ 70-90%

          นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวทางการปล่อยสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการจ่ายคืน แต่ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยในระดับต่ำปัจจุบันจะช่วยชดเชยได้ทางหนึ่งดังนั้นคนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาท ต้องมีความมั่นคง แต่มาตรการ LTV จะช่วยกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง รายได้น้อยสามารถซื้อบ้านได้โดยไม่มีเงินดาวน์ ขณะที่ผู้ประกอบการจะออกโปรโมชั่นรองรับและอัตราดอกเบี้ยในตลาดยังต่ำ

          อย่างไรก็ตาม ธอส.ยังคงอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้(DSR) สำหรับสินเชื่อสวัสดิการที่ 80% ส่วนลูกค้ารายย่อยอยู่ที่ 1 ใน 3 ของรายได้ โดย ธอส. อยู่ระหว่างปรับระบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน จึงมองว่าแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อปีนี้ มีโอกาสทะลุเป้าที่ 2.15 แสนล้านบาทเป็น 2.25 แสนล้านบาท โดยจะมีสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 10,000 ล้านบาท

          “สิ่งที่ธปท.ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV นั้นเป็นการอัพวงเงินสินเชื่อทุกสัญญา โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ เพียงแต่แบงก์ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคนด้วย แม้จะเข้ามาขอสินเชื่อ แต่ถ้าเต็มวงเงินกู้คงไม่ได้ แต่การซื้อบ้านภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่า คนจะไม่บุ่มบ่ามซื้อ อาจต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลคือ ต้นปี 2565 ส่วนการเก็งกำไรก็หายไป ตั้งแต่ที่ธปท.ควบคุม LTV แล้ว ทำให้ตอนนี้ตลาดอสังหา ริมทรัพย์กลับมาแข็งแรงขึ้น” นายฉัตรชัยกล่าว

          นายณัฐพล พร้อมลือชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้คนส่วนใหญ่ จะต้องการซื้อบ้านหลังแรก แต่การผ่อนเกณฑ์ LTV จะทำให้ธนาคารมีลูกค้ากลุ่มบ้านหลังที่ 2 และ 3 กลับ เข้ามานอกจากสินเชื่อบ้านหลังแรก โดยคาดว่าจะมีส่วนเพิ่มเข้ามาประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ น่าจะช่วยให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม 7-8% จากที่คาดการณ์เดิมอยู่ที่ 500,000 ล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนโควิด จากก่อนหน้าที่ทั้งบ้านหลังที่ 2 และ 3 มีข้อจำกัดเรื่องเงินดาวน์และไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน

          “ข้อดีอีกอย่างของการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV เป็นมาตรการระยะสั้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้านภายใน 14 เดือนและเป็นจังหวะกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมา และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงจำกัด เพราะการระบาดใหญ่ 100 ปี จะเกิดครั้งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นคนที่แข็งแรงและมีความจำเป็นกลับเข้ามาซื้อ แม้ช่วงสั้นจะมีการเก็งกำไรเข้ามา ก็ต้องเป็นคนแข็งแรงมากๆ” นายณัฐพลกล่าว

          อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง ดังนั้นมาตรการนี้จึงสอดรับกับคนที่ยังแข็งแรงและมีความสามารถจะซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ในฐานะธนาคารพาณิชย์ก็พร้อมสนับสนุนคาดว่า ยอดสินเชื่อจะบวกได้ก่อนสิ้นปีราว 3 หมื่นล้านบาท ตามที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ได้ และรวมปีหน้าจะมีมูลค่าประมาณ 800,000 ล้านบาท

          สำหรับความต้องการซื้อน่าจะกลับมาในไตรมาส 2 ของปี 2565 เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะซื้อบ้านตามกำลังที่รับภาระได้ ดังนั้นจะต้องรอให้รายได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน อย่างน้อย 2 ไตรมาสหลังจากเปิดประเทศ ส่วนช่วง 2 เดือนนี้และไตรมาสแรกปีหน้าจะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่จะค่อยๆทยอยเข้ามาก่อน

          ธนาคารจะทบทวนสถานการณ์ตามภาวะตลาด แต่ยังไม่ปรับเป้าหมาย โดยได้หารือผู้ประกอบการเตรียมออกโปรโมชั่นร่วมกัน ทางโครงการเองจะมีโปรโมชั่นออกมาใน 2 เดือนสุดท้ายนี้ก่อน เพราะเกณฑ์ของธปท.รอบนี้จะทำให้คนตัดสินใจง่ายขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อ ลดลง จะทำให้คนไปดูโครงการได้มากขึ้น ที่สำคัญจะหมดยุคโปรโมชั่นที่เหมือนกัน แต่แนวโน้มจะเห็นโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะรายลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ธนาคารขอเพียงให้มีคนที่มีความพร้อม ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

 

Reference: